เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น. ของวันที่ 10 ก.พ.2565 พนักงานสอบสวน สน.เมืองหนองคาย รับแจ้งเหตุคนร้ายฉ้อโกงทองคำ น้ำหนักรวมกว่า 100 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท หลบหนีไป เหตุเกิดที่ ร้านเพชรทองศรีรุ่งเรือง อ.เมือง จ.หนองคาย โดยผู้เสียหายให้ข้อมูลกับตำรวจว่า บุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นชาย เข้ามาซื้อทอง ใช้วิธีหลอกเจ้าของร้านทองว่า ได้โอนเงินให้จำนวนเกือบ 3 ล้านบาท แต่ไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี โดยซื้อทองรวมกว่า 100 บาท ก่อนนำทองคำที่ซื้อทั้งหมดหลบหนี
ผู้เสียหายให้ข้อมูลอีกว่า จากการตรวจสอบในใบเสร็จรับเงิน ชายคนดังกล่าวใช้ชื่อในการมาซื้อทองคือ นายสรวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อยู่ที่ จ.หนองคาย ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลบุคคลดังกล่าว ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบข้อมูลพบว่า ชายคนดังกล่าวน่าจะแอบอ้างชื่อนามสกุลบุคคลอื่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าชื่อนามสกุลที่ถูกระบุในใบเสร็จนั้น ตำหนิรูปพรรณไม่ตรงกับชายตามภาพจากกล้องวงจรปิด
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในเขตเมืองหนองคาย หลังจากที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า โทรศัพท์สอบถามธนาคารว่า มีเงินเข้าบัญชีหรือไม่ ซึ่งธนาคารตอบว่ามียอดเงินเข้ามาจริง จึงมอบทองคำให้ชายคนดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าทางธนาคารดังกล่าวให้ข้อมูลว่า เงินที่เข้าบัญชีของผู้เสียหาย เป็นการนำเช็คเข้าบัญชีแบบเคลียริ่ง หรือ การนำส่งเช็คเรียกเก็บของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะรับเช็คจากลูกค้าแล้ว มาคีย์ตัวเช็คสั่งจ่ายเข้าบัญชีที่ลูกค้าระบุไว้ และฝากก่อน 12.15 น. จึงจะได้เงินในช่วงเย็น ถ้าเกินเวลาก็ได้เงินเข้าบัญชีอีกวัน ซึ่งหมายเลขบัญชี หมายเลขเช็คที่นำเข้าบัญชีของผู้เสียหาย เป็นของ น.ส.พิชชาภา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า น.ส.พิชาภา อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของเช็คมีประวัติอาชญากรรมในคดีฉ้อโกง เคยถูกจับดำเนินคดีโดยเมื่อเดือน ก.ย.2563 เคยก่อคดีและถูกจับ โดย น.ส.พิชาภา รู้จักวิธีใช้เช็คและมีเช็คไว้ในความครอบครอง เคยหลอกซื้อทองคำน้ำหนักรวม 20 บาท ที่ห้างแห่งหนึ่ง ใน อ.แกลง จ.ระยอง โดยผู้จัดการร้านทองเข้าใจว่า มีเงินเข้าบัญชีแล้ว จึงไปติดต่อธนาคาร เพื่อถอนเงินจำนวน 578,000 บาท แต่พนักงานธนาคารแจ้งว่า ไม่มียอดเงินเข้าเพียงฝากเช็คเข้าบัญชีเท่านั้น
คลิปอีจันแนะนำ
หลักฐานทำคดีพลิก! #คดีมณีรัตน์