สืบทุกมุม เจาะทุกทาง 2 วัน ปิดคดีเมียฆ่าหั่นศพผัว

รวม 7 ชุดสืบสวนตัวจี๊ด คลี่คดี เมียฆ่าหั่นศพผัว ทิ้งอยุธยา ใช้เวลา 2 วัน ปิดคดี

ปิดไปอีก 1 คดี สำหรับคดีโหด ฆ่าหั่นศพเผาอำพราง

คนร้าย คือ เมีย เหยื่อ คือ ผัว

เป็นอีก 1 เรื่องราวที่สะเทือนหัวใจนักข่าวอย่างเราในฐานะที่เป็นผู้หญิง

หลังจากที่เห็นข่าว เราก็บอก พี่ยาหยี ซึ่งเป็น บก.อีจัน ว่า เราอยากไปตามคดีนี้

1 มีนาคม 2564 เวลาบ่ายกว่าๆ เรามุ่งหน้าไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา วันนั้นเราได้เห็นชิ้นส่วนของมนุษย์ที่กองอยู่ข้างถนนสาย 347 บางปะอิน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากรู้ว่าผู้ตายคือใคร ทำไมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมอย่างนี้ วันแรกยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่เรารู้ว่าคดีนี้ตำรวจทำงานหนักมาก เพราะหลักฐานที่เหลืออยู่ จะตรวจหาอะไรได้ไหม ไหม้ขนาดนี้

การสืบสวนจึงเริ่มขึ้น!

2 มีนาคม 2564 พล.ต.ต.สุภีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 เรียกรวม 7 ชุดสืบมาประชุม เรียกได้ว่า เอาแต่ตัวจี๊ดๆมา คนที่เคยสืบคดีใหญ่ๆ ทั้งจาก สภ.มหาราช สภ.หนองแค ชุดสืบจาก ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบจากตำรวจภูธรภาค 1 และ สภ.วังน้อย สภ.บางปะอิน ที่เป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตำรวจใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง เราเองก็ใจจดใจจ่อ หวังว่าจะมีข่าวดี รู้ตัวผู้ตาย

แต่พอตำรวจประชุมเสร็จออกมาแถลง

คดีนี้กลับดูเหมือนว่าจะยาก สิ่งที่ได้คือตำรวจขอความร่วมมือจากประชาชน ขอข้อมูลกล้องหน้ารถ ขอข้อมูลคนหาย หวังว่าจะเป็นอีก 1 กุญแจที่จะช่วยไขคดีนี้ เราบอกกับทีม หมดวันนี้ไม่มาแล้ว น่าจะยังจับไม่ได้ ให้ทางตำรวจได้ทำหน้าที่ก่อน เราอยู่ตรงนี้คอยเช็คตำรวจเรื่อยๆดีกว่า

เชื่อไหมคะ ระหว่างที่เดินทางกลับออฟฟิศ

เราคิดมาตลอดทาง คนคนนั้นเขาจะเป็นใคร เหตุใดจึงโดนฆ่าเหมือนผักเหมือนปลา

สุดท้าย คืนวันที่ 2 มีนาคม 2564 ก็ได้รับข่าวดี

จากที่เราประเมินว่ายากแล้ว ตำรวจสามารถคลี่คดีได้ภายใน 2 วัน เรามีโอกาสได้คุยกับหนึ่งในชุดสืบสวน กุญแจที่สามารถไขคดีนี้ให้จบได้ คือ ลายนิ้วมือ และกล้องวงจรปิด ตรงนี้ก็สำคัญ ที่ทำให้สาวไปถึงตัวคนร้ายได้

ผู้ตายคือ นายสุบิน คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ วาสนา เมียขอสุบิน นั่นเอง

การจับกุมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในคืนนั้น การฆาตกรรมโหดเหี้ยมในครั้งนี้ วาสนา สารภาพอ้างว่า เธอทำไปเพราะความโกรธ ความแค้น มันเป็นผลที่เกิดจากเหตุที่ถูกเธอกระทำมาตลอด 20 ปี โดนทุบตี ทำร้ายจากน้ำมือของผัว วันนี้มันทนไม่ไหว ตั้งใจมาที่บ้านเพื่อมาขอให้ สุบิน ออกจากบ้านไป แต่เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน เมฆ ที่เป็นหลานหลาย ซึ่งอยู่ด้วยกัน จึงใช้มีดแทง สุบิน จนตาย

หลังจากนั้นก็ได้ร่วมกันอำพรางศพ โดยการนำไปเผาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทิ้งตามจุดต่างๆ

แต่ก็นั่นแหละปัญหาไม่อาจแก้ได้ด้วยการฆ่า เหตุการณ์ตรงหน้าจึงเกิดขึ้น

เราติดตามคดีนี้จนถึงวันทำแผนประกอบคำรับสารภาพ วันที่ 3 มีนาคม 2564 เราได้เห็นสายตา ของ วาสนา และ เมฆ ที่ลอดออกมาจากโม่งสีดำ ตาของเธอบวมคล้ายผ่านการร้องไห้มาหนักมาก เธอชี้จุดที่สุดท้าย

สื่อถามเธอ : อัดอั้นตันใจตรงไหนถึงตัดสินใจทำแบบนี้

วาสนา : หนูถูกรังแกมาตลอด 20 ปี เขาเป็นคนที่โมโหร้ายมาก เขาเคยตัวที่จะต้องมาทำร้ายร่างกายเราตลอดเวลารุนแรงค่ะ แล้วเราก็สู้เขาไม่ได้ เรื่องนิดๆหน่อยๆเขาก็ลงมือแล้ว หนักสุดเอากาน้ำฟาดหัวไปเย็บที่โรงพยาบาล 10 กว่าเข็ม

สื่อถามเธอ : วันนั้นคือฟางเส้นสุดท้ายแล้วใช่ไหม

วาสนา : ใช่ค่ะ มันสุดๆแล้ว จริงๆไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น แค่อยากมาบอกให้เขาออกจากบ้านแค่นั้น

จบประโยค เธอร้องไห้ สะอื้นหนัก

ตอบคำถามต่อไม่ได้…

ส่วน เมฆ หลานชาย บอกว่า “อยากจะขอโทษจริงๆ พลั้งมือไปแล้ว แต่เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้า นายสุบินไม่ทำผมก่อน”

นี่คือคำพูดสุดท้ายของทุกคนที่ได้อธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น

เรารู้สึกสะเทือนหัวใจมากในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง คนคนหนึ่งหัวใจจะทนความเจ็บปวดได้นานแค่ไหนกัน และคดีนี้ทำให้เรามองเห็นว่าความอดทนของคนมันไม่เท่ากันจริงๆ สุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน การฆ่าคน ไม่ใช่ทางออกที่ดี

ปิดจ็อบ คดีเมียฆ่าหั่นศพผัว!

ขอบคุณตัวเองและทีมอีจัน

ขอบคุณพี่ๆนักข่าวที่ Support กันและกันค่ะ

ขอบคุณตำรวจที่ให้ข้อมูล พี่ๆสืบเก่งมากค่ะ

ไนซ์ อีจัน