ประเด็นร้อนของวันนี้ (2 มิ.ย.64) คงไม่พ้น คดีน้องชมพู่ ที่ล่าสุด ลุงพล ป้าแต๋น รวมทั้งทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางมาถึง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดต่อขอมอบตัว ก่อนจะเดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน เนื่องจากมามอบตัวต่างพื้นที่ จึงต้องควบคุมตัวไปลงบันทึกประจำวัน ซึ่งคาดว่าภายในวันนี้ น่าจะมีการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร
ล่าสุด เวลา 11.30 น.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แถลงคดีน้องชมพู่ว่า มีการรวบรวมพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้วก็ไปขอศาลจังหวัดมุกดาหาร ออกหมายจับ อนุมัติออกหมายจับเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.64)
ส่วนหลักฐานที่ใช้ในการขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน ตำรวจขอหมายไม่ได้ จะตั้งข้อหาใครก็ตามพยานหลักฐานเท่านั้น ตอนนี้พยานหลักฐานเท่าที่มีก็ไปขอหมายก็ได้ 3 ข้อหานี้มา พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ข้อหาที่ 2 คือ ทอดทิ้งเด็ก ที่อายุไม่เกิน 9 ปี ข้อหาที่ 3 เข้าไปกระทำการกับศพ หรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่ทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลง
ส่วนจะเป็นการมอบตัวหรือการจับกุมตัว พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยว่า จากการรับทราบจากชุดสืบสวนว่าเป็นการจับตัว หลังจากนี้ต้องส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวน ที่รับผิดชอบที่ สภ.กกตูม ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เรามีเวลาควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ 48 ชม. ถ้าจำเป็นต้องสอบสวนต่อต้องเอาไปฝากขังที่ศาล ส่วนจะให้ประกันหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่ามีใครมาขอยื่นไหม แล้วแต่จะพิจารณา
“เรามั่นใจของเรา ส่วนคนอื่นจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา เป็นสิทธิ์ของเขา เราทำตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน เรามีแค่ไหน เราทำแค่นั้น ถ้าเรามีมากกว่านี้ เราก็อยากให้ เราทำตามพยานหลักฐาน เราไม่ได้ทำตามใจใคร ส่วนใครจะพอใจไม่พอใจ ก็เอาที่สบายใจ” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อ ตอนนี้ยังออกหมายจับได้แค่ 1 คน หากมีมากกว่านี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว ตำรวจทำงานมาตลอดไม่ได้ทิ้งไปไหน ตนมั่นใจทีมสืบสวน มันเป็นคดีฆาตกรรม จริงๆ มีรายละเอียดหลายๆอย่าง ก็ไม่ควรเปิดเผยสู่สาธารณะก็ออกไปเยอะมาก ผิดบ้างถูกบ้าง ปนเปกันไป 1 ปีแล้ว มันก็เหมือนคดีอื่นๆ ที่ทำมาในชีวิต บางเรื่องยังปิดไม่ได้ หลายปี บางเรื่องได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำได้ก็ดีใจ มันต้องสู้กันอีกหลายศาลก็ว่ากันไป ตราบใดที่ยังไม่มีการตัดสิน ผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ถือว่า เป็นผู้บริสุทธิ์
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฝากถึง แม่น้องชมพู่ว่า ทีมตำรวจเราเคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด เราก็ทำตามสัญญา แต่ว่ามันยังไม่จบ เราจะทำต่อไป
การพิจารณาข้อกล่าวหาทั้งหมด ก็จะต้องมีการพิจารณา ซึ่งพนักอัยการท่านอาจมีความเห็นแตกต่างออกไป เรื่องข้อกฎหมาย เล็งเห็น ประสงค์ต่อผล ที่เราเถียงกันมาเป็นเดือน ๆ ท่านจะสั่งอย่างไร ต้องรอดู ว่าไปตามขั้นตอน
“ในส่วนของการพิสูจน์หลักฐาน เราใช้ทุกอย่างที่เรามี ในเรื่องนี้ เรามองไปนอกองค์กรว่ามีเครื่องมืออะไรที่เอามาใช้ได้บ้าง ผมไม่อยากจะระบุชัดเจน จะไปกระทบกระเทือนการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเรื่องหนึ่งของคดีนี้ที่อยากฝากสังคมเป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์ว่า คดีนี้ คือคดีฆาตกรรม ความซับซ้อนหรือไม่ซับซ้อน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่แตกต่าง คือ การไต่สวนบนโลกโซเชียล ซึ่งอาจเคยเจอคดีที่เกาะเต่า แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีประชาชนจะติดตาม เสพติด กินไม่ได้นอนไม่หลับ เกิดอาการแบนั้น อาจเพราะว่า ภูมิคุ้มกันในเรื่องโซเชียลไม่พอ แล้วสังคมเกิดปรากฏการณ์ประหลาดๆ ซึ่งต่างประเทศก็มี ไม่ใช่ไม่มี มีการไต่สวนตั้งข้อหา ยกประเด็น ลากยาวไปถึง ไสยศาสตร์ เป็นบทเรียนของตัวเองด้วยว่า มันไปกันได้ถึงขนาดนี้ อยากฝากว่า เสพเรื่องพวกนี้ ให้ใช้วิจารณญาณหน่อย บางคนบอกว่าถ้าให้ดี หยุดตามเรื่องนี้สัก 2 อาทิตย์ แล้วสุขภาพจิตท่านจะดีขึ้น” พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อ นิติวิทยาศาสตร์ก็ดี วิชาการต่างๆ เราใช้ประกอบกันหลายๆ อย่าง ไม่มีศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง ที่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ แต่ทำไมมันนานมันช้า ก็มีศาสตร์ใหม่ๆ ที่เอามาใช้ในเรื่องนี้ เอามาประยุกต์กับการสืบสวนสอบสวน สามารถอธิบายได้ว่าตัดสินแบบนี้ คิดแบบนี้ ต้องมีวิชาการมารองรับแนวคิด เรารวบรวมทุกอย่าง ทั้งพฤติกรรมมนุษย์ พยานแวดล้อม ประจักษ์พยาน วัตถุพยานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ ที่ค้นได้นอกเหนือจากที่เกิดเหตุด้วย หลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั้งนิติวิทยาศาสตร์ กระทั่ง ไสยศาสตร์ ความเชื่อต่างๆ หลักพฤติกรรมศาสตร์ รวบรวมหมด
เบื้องต้น ตอนนี้ ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน และไปพบพนักงานสอบสวน ที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ทีมงานประสานเครื่องบินไว้แล้ว ต้องเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนรายละเอียด จะปรึกษาทีมสอบสวน ถ้ามีความจำเป็นพอที่จะต้องแถลง คดีน้องชมพู่ ก็จะแถลงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.64)