จากกรณี ”เสี่ยปิ๊ก“ นักธุรกิจหนุ่ม อายุ 42 ปี โพสต์ตามหา ลูกสาว วัย 5 ปี และ ภรรยา อายุ 32 ปี หายออกจากบ้าน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 หลังภรรยาไปส่งลูกที่โรงเรียน และหายไปทั้งคู่ ติดต่อไม่ได้เลย
ผ่านไป 14 วัน กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อภรรยา ของเสี่ยปิ๊ก เข้ามาร้องเรียนมูลนิธิปวีณา อ้างว่า เธอถูกสามีทำร้ายร่างกาย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 67 เสี่ยบิ๊ก ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ เล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 16 ก.พ. 67 น้องสาวและภรรยา ไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ
แต่พอถึงช่วงที่รถติด ภรรยาบอกกับน้องสาวให้จอดรถ โดยให้เหตุผลว่า จะเดินไปส่งลูกที่โรงเรียนเอง ซึ่งน้องสาวก็ขับรถไล่ตามไป
พอน้องสาวขับรถถึงหน้าโรงเรียน เริ่มเอะใจว่าทำไมพี่สะไภ้ ยังไม่กลับมาที่รถ จึงโทรมาบอกผม พอผมโทรไปถามที่โรงเรียน ปรากฏว่า ลูกสาวไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน
ผมเลยรีบไปตามหาที่บ้านแม่ยาย ก็ไม่เจอภรรยา และโทรติดต่อไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป
ผมยอมรับก่อนเขาหายไป มีการทะเลาะกัน ผมใช้มือตบหัวภรรยา แต่เค้าหันหนี ทำให้หัวไปชนประตู
แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ภรรยาจะโทรมาหาแม่ทุกครั้ง ครั้งนี้กลับไม่ติดต่อกลับมา ซึ่งผมคิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา
ผมเลยตัดสินใจบวชให้พ่อ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 67 ในระหว่างบวช ก็ได้พยายามติดต่อภรรยา
จนกระทั่ง วันที่ 27 ก.พ. 67 ผมลาสิกขา ก็ได้เดินทางไปโรงเรียนลูกสาว เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางโรงเรียนว่า กล้องโดนบันทึกทับไปเรียบร้อย ไม่สามารถดูได้ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ในเฟซบุ๊ก เพื่อตามหาภรรยาและลูกทางเฟซบุ๊ก
และในวันนี้ 29 ก.พ. 67 ทางภรรยา เดินทาง ไปพบกับทางมูลนิธิปวีณา ”ผมอยากขอโอกาสอีกสักครั้งได้เจอลูก และจะไม่ตอบโต้กับภรรยา สิ่งที่ผมสร้างมาทุกอย่าง จะยกให้เป็นของลูกสาว“
ต่อมาเวลา 17.30 น. หลังจากที่ เสี่ยปิ๊ก ให้สัมภาษณ์เสร็จ ได้เดินทางไปพบภรรยาและลูกสาว เพื่อเคลียร์ใจกัน ที่ มูลนิธิปวีณา โดยที่เสี่ยปิ๊ก ไม่ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน
อีจัน หวังว่า ปัญหานี้จะคลี่คลายลงได้นะคะ