สายลับไหมล่ะ! ตร.ปลอมเป็นพระ ล่อซื้อปืนเถื่อน

ไซเบอร์ทำถึง! ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมตัวเป็นพระบวชใหม่ บุกรวบเจ้าของเพจจำหน่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย กลางปั๊มน้ำมัน จ.มหาสารคาม

ยิ่งกว่าสายลับ 007 ก็ตำรวจไทยนี่แหละ!

วันนี้ (13 พ.ค. 68) ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ โดย กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ปลอมตัวเป็นพระสายลับ รวบเจ้าของเพจขายอาวุธปืนออนไลน์ พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบสวนทราบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความในโซเชียล ซึ่งเป็นกลุ่มซื้อขายอาวุธปืน ต่อมา พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.2 บก.สอท.3  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง รอง ผกก.2 บก.สอท.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดวางแผนเข้าจับกุม โดยประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.4  

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลอมตัวเป็นพระใหม่ที่บวชภาคฤดูร้อน และติดต่อขอซื้ออาวุธปืนจากเฟซบุ๊กดังกล่าว ในราคา 22,000 บาท โดยมีการตกลงซื้อขายและนัดหมายส่งมอบอาวุธปืน และเมื่อถึงเวลาก่อนการนัดหมายกันไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูบริเวณลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กระทั่งถึงเวลานัดหมายที่เกิดเหตุ พบ นายจารุวัฒน์ ได้ขับรถยนต์กระบะสีดำเข้ามาจอด และได้โทรศัพท์แจ้งให้พระสายลับไปพบที่รถยนต์คันดังกล่าว 

จากนั้น พระสายลับได้เข้าไปพบและตรวจสอบอาวุธปืนของกลาง เมื่อพบว่าเป็นอาวุธปืนจริงจึงได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ Colts ขนาด 11  มม. สีดำ จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ Norinco สีดำ ขนาด 9 มม.  จำนวน 1 กระบอกและอาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ Astra Cadix Cal ขนาด .22 มม. สีขาว จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วย กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน  20 นัด และกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด 

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐาน “มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป