รวบ ครูพละ ย่ำยีกาย ย่ำยีใจ 3 ด.ญ. นักวอลเลย์บอลโรงเรียน จนเด็กๆ อยากทิ้งอนาคตนักกีฬา

“แม่จ๋า หนูไม่อยากเป็นนักวอลเลย์บอล แล้ว” พ่อแม่ปวดหัวใจ ลูกสาวนักกีฬาโรงเรียน โดน

“แม่ หนูไม่อยากเป็นนักวอลเลย์ แล้ว หนูไม่อยากไปเก็บตัวนักกีฬา”

ด.ญ. อนาคตไกล มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬา จนได้รับคัดเลือกเป็น นักวอลเลย์บอล ของโรงเรียน แต่เธอกำลังเลือกที่จะทิ้งอนาคตการเป็นนักกีฬาของตัวเอง เพราะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเธอ ในค่ายเก็บตัวนักกีฬา

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ครอบครัวของ 3 เด็กหญิง พากันเดินทางมาจากเชียงใหม่ ด้วยความทุกข์ใจ

ตรงเข้าหามูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ

“ลูกสาวทั้ง 3 โดนข่มขืน”

เด็กทั้ง 3 อายุเพียง 13 ปี 2 คน อายุ 11 ปี 1 คน ทั้ง 3 อยู่โรงเรียนเดียวกัน เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน และเคยเข้าแข่งขันระดับประเทศมาแล้วหลายรายการ

เด็กหญิงเล่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า คนที่ทำร้ายพวกเธอ คือ ผู้ชาย ที่เรียกตัวเองว่าครู

เขาเป็นครูพละของโรงเรียน และเป็นโค้ชของทีมด้วย เขาชอบ ลวนลาม กอด จับหน้าอก จับก้น จับอวัยวะเพศ นักกีฬาในทีม แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ที่ฝังใจ จนทำให้เด็กๆ หวาดกลัว คือการ ถูกโค้ชล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเก็บตัวไปแข่งขันตามจังหวัดต่างๆ

“เวลาไปเก็บตัวครูก็มานอนกับนักเรียน ไม่ให้คุยกับพ่อแม่ ห้ามพ่อแม่ไม่ให้นอนกับลูก เขาอ้างว่าจะเสียสมาธิ เคยมีเพื่อนเอาเรื่องที่ครูลวนลามไปบอกพ่อแม่ แต่พอครูรู้เพื่อนก็โดนทำโทษ เลยไม่มีใครกล้าบอกครูคนอื่น หรือพ่อแม่เลย”

เด็กหญิงทั้ง 3 เล่าว่า เคยฮึด ถามครูไป “ทำแบบนี้กับพวกหนูทำไม”

ครูกลับบอกว่า

“ครูจำไม่ได้ คงเป็นเพราะวันนั้นกินยาแก้แพ้เข้าไปเลยทำไปไม่รู้ตัว คงจะแค่มือปัดไปโดนเท่านั้น ครูขอโทษ”

พ่อแม่รู้เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับลูก เพราะวันหนึ่ง เด็กหญิง มาบอกแม่ว่า

“หนูไม่อยากไปเก็บตัวเป็นนักวอลเลย์แล้ว”

ทำให้แม่เอะใจ ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ ที่รักในกีฬาวอลเลย์ มาตลอด

แม่จึงถามลูกสาวถึงสาเหตุ วันนั้น เด็กหญิงคงสุดอัดอั้นใจ ระบายเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นกับเธอออกมาจนหมด

ผู้ปกครองเด็กๆ เล่าว่า

“ตอนนี้ พาเด็กๆ ย้ายโรงเรียนหนี พร้อมกับ นักเรียนในทีมอีก 10 กว่าคนแล้ว เพราะ แจ้งเรื่องไปยังโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนกลับไม่จัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับ ครูพละที่ก่อเหตุ สงสารจิตใจลูก หากยังต้องเรียนในสถานที่ คนทำร้ายลูก ยังลอยนวลอยู่”

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. และพา พ่อแม่และลูกสาว 3 ครอบครัวเดินทางไปพบ พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก. ปคม. กก.4 เพื่อแจ้งความ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเด็กหญิงทั้ง 3 คน ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พร้อมนัดสอบสหวิชาชีพในวันที่ 4 เม.ย. และรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับครูพละในข้อหา

“กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่อยู่ในความดูแล, พาหรือพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร”

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.67

ส่วนเด็กและครอบครัว อยู่ในึความดูแลของ มูลนิธิปวีณา

รวบทันควัน

ตำรวจ ปคม. ใช้เวลาสอบสวนสืบสวนเพียง 3 วัน ก่อนเข้าจับกุม ครูพละได้ ในบ้านพัก จ.เชียงใหม่

และจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา

และแน่นอนค่ะ ครูพละ ปฏิเสธข้อกล่าวหา

9 เมษายน 2567 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก. ปคม. จึงเดินทางมาประชุมร่วมกับ นางปวีณา ที่มูลนิธิปวีณาฯ ในการสอบสวนขยายผล และหาแนวทางช่วยเหลือเด็กหญิงทั้ง 3 คน

พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก. ปคม. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร การที่ผู้ต้องหาปฏิเสธก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะกระทำได้ และตำรวจก็ได้สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานจนขอศาลอนุมัติออกหมายจับในข้อหา “กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่อยู่ในความดูแล, พาหรือพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร” ได้แล้ว

พร้อมฝากถึงผู้ปกครองทุกคนว่า

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ซึ่งผู้กระทำเป็นครู ทั้งนี้ครอบครัวต้องเป็นเกราะกำบังให้กับลูกหลานและพูดคุยกับลูกหลานให้มากเพราะบางครั้งเด็กมีอะไรจะไม่กล้าบอก

โดยตำรวจ ปคม. ดูแลเรื่องนี้โดยตรง จะจัดการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด และให้การช่วยเหลือกับผู้เสียหาย

ด้านนางปวีณา กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. รับเรื่องนี้จากมูลนิธิปวีณาฯ ได้ดำเนินการจับกุมอย่างรวดเร็ว

กรณีนี้หากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมสามารถแจ้งมาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อประสาน ปคม. ดำเนินคดี

หลังจากนี้ มูลนิธิปวีณาฯ จะให้การช่วยเหลือเด็กหญิงทั้ง 3 คนในเรื่องการฟื้นฟูสภาพจิตใจและให้กลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติสุข และมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีนี้กับ ปคม. อย่างใกล้ชิดต่อไป

ขอให้เด็กหญิงทั้ง 3 คนมีหัวใจที่แข็งแกร่ง ลุกขึ้นเดินหน้าทำตามฝันต่อไปได้สำเร็จนะคะ