ตำรวจขอนแก่น ล่า หนุ่มทาสยา ยิงตำรวจ เจ็บสาหัส

เร่งล่า หนุ่มทาสยา มารับโทษ หลัง สาดกระสุนใส่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น บาดเจ็บสาหัส ยังรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 65) เกิดเหตุคนร้ายยิงปะทะตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย พ.ต.อ.ประศาสตร์ แน่นอุดร ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น เผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.เชิด ศรีสมครุต รอง สว.สืบสวน สภ.กระนวน พร้อมตำรวจชุดสืบสวนรวม 4 นาย ออกตรวจในพื้นที่ กระทั่งไปถึงบ้านโคกล่าม พบชาย 2 รายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากในซอยแถวท้ายหมู่บ้าน และจอดรถนั่งกัน ซึ่งมีท่าทีต้องสงสัย ตำรวจจึงตะโกนถามว่า “ทำอะไรกัน” ชายทั้ง 2 เร่งเก็บกระดาษและถุงพลาสติกบริเวณที่นั่งแล้ววิ่งหลบหนีไปในป่าอ้อย และสวนยางพาราท้ายหมู่บ้าน

เห็นดังนั้น ตำรวจทั้ง 4 นาย จึงตัดสินใจ ขับรถยนต์ไล่ตามไปในป่าประมาณ 2 กม. ก็พบตัวชาย 1 รายเดินอยู่ระหว่าง ป่าอ้อย กับ ป่ายูคาลิบตัส จึงตะโกนเรียกให้หยุด แต่ชายดังกล่าวกลับหันมารัวกระสุนใส่ตำรวจพลางวิ่งหนี

โชคร้าย ร.ต.อ.เชิด ศรีสมครุต รอง สว.สืบสวน ถูกกระสุนปืนยิงเข้าบริเวณช่องท้อง เป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เชิด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไป

ต่อมา ทาง สภ.กระนวน ได้ประสาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน4 ขอนแก่น เข้าตรวจพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน

เบื้องต้นแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ได้ผ่าตัดเอากระสุนออกจากช่องท้องแล้ว แต่ยังต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู

และเช้าของวันนี้ (29 ส.ค. 65) เวลาประมาณ 09.00 น. ตำรวจได้ลงตรวจพื้นที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงอีกครั้ง เพื่อสอบถามชาวบ้านระแวกนั้นว่ามีใครรู้จักชายรายดังกล่าวหรือไม่ พบว่าห่างจากพื้นที่เกิดเหตุบ้านโคกล่ามไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร มีชาวบ้านที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านจุดดังกล่าว พากันจอดดู และพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

อีกทั้งต้นยางพาราที่อยู่ในสวนทั้งสองข้างทาง ก็มีกระดาษเอสี่สีขาวติดไว้พร้อมคำว่า ”รอยกระสุนของคนร้าย” ซึ่งจากการเดินตรวจสอบต้นยางพาราที่ถูกกiะสุนและกระดาษกำกับไว้ พบว่ามีมากกว่า 20 ต้น!

และเมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.อ.วิมล โนนทะเสน รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่นและสืบสวน สภ.กระนวน ได้นำเครื่องตรวจค้นโลหะมาตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างระเอียดพบ ปลอกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 3 ปลอก และลูกกระสุนปืนขนาด .22 สภาพพร้อมใช้จำนวน 1 ลูก

โดยกระสุนและปลอกกระสุนทั้งหมดพบอยู่บริเวณใต้ต้นค้อขนาดใหญ่ในสวนยางพารา หลายหน่วยงานลงพื้นที่ร่วมกันวางแผนปูพรมค้นหารอบบริเวณต้นค้อ โดยเฉพาะฝั่งทิศตะวันตกของต้นค้อที่จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายได้วิ่งมาหลบที่หลังต้นค้อใหญ่ แล้วใช้อาวุธปืนยาวยิงใส่ตำรวจที่ไล่ล่า

ต่อมามีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ เป็นช่วงที่กำลังเกี่ยวหญ้าให้วัวอยู่ในไร่อ้อย ใกล้กับสวนยางพารา ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ตัวเองกำลังเกี่ยวหญ้า เสียงปืนดังขึ้นเป็นช่วงๆ และรัวติดต่อกันหลายนัด นานประมาณ 10 นาที ซึ่งช่วงที่เสียงปืนดังติดต่อกัน ตนได้นอนราบไปกับพื้นหญ้า รอจนเสียงปืนเงียบจึงลุกขึ้นมาและเดินกลับบ้าน

กระทั่งช่วงเย็นจึงมีชาวบ้านคุยกันว่า ตำรวจไล่จับคนร้ายที่เกี่ยวข้องยาเสพติด คนร้ายไม่ยอมให้จับและยิงตำรวจบาดเจ็บ อยากให้ตำรวจตามจับคนร้ายได้เร็วๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับชาวบ้านที่ออกมาทำมาหากินตามสวนยางและไร่นา

ชาวสวนบ้านโคกล่ามอีกรายเล่าว่า ช่วงเสียงปืนดัง ประมาณ 10-15 นาที เป็นช่วงที่คนกำลังทำสวนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่ามีการจุดประทัดเผาศพคนตาย กระทั่งมีตำรวจออกตรวจในพื้นที่จึงทราบว่ามีคนร้ายยิงตำรวจบาดเจ็บแล้วหลบหนี

ถึงแม้คนกลุ่มนี้จะไม่ยุ่งกับใคร แต่กล้ายิงตำรวจ ก็คงไม่น่าจะปลอดภัยกับชาวบ้าน จึงอยากให้รีบเร่งจับกุมคนร้ายเร็วๆ ชาวบ้านจะได้ไม่กลัว เพราะชาวบ้านต้องออกจากบ้านมากรีดยาง มาทำไร่ทำสวนอยู่ทุกวัน

ล่าสุด ตำรวจสืบจนทราบชื่อคนร้าย นายสกุล หรือนุ อายุ 39 ปี พบประวัติพัวพันกับยาเสพติด และหนีการจุบกุมของตำรวจอยู่หลายครั้ง ทางด้าน พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เผยว่าได้พบกับแม่ของนายนุแล้ว แม่บอกว่านายนุก็อาจถูกยิงเหมือนกัน เพราะต่างฝ่ายต่างปะทะกัน ชุดสืบสวนก็ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสของนายนุในชุมชน หมู่บ้านใกล้เคียง และหาตาม รพ.สต.ในพื้นที่ และอำเภอใกล้เคียงด้วยเช่นกัน หากนายนุทราบข่าวก็อยากให้เข้ามอบตัว ถ้าถูกยิงก็จะได้นำตัวเข้ารับการรักษา

เบื้องต้นได้สั่งให้ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ลงพื้นที่สมทบกับชุดสืบสวน สภ.กระนวน ติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่าง รวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับนายนุ ในข้อหา พยายามฆ่า ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพเก้า ได้เตือนประชาชนว่า ห้ามให้การช่วยเหลือคนร้าย เพราะคนที่ให้การช่วยเหลือจะมีความผิดด้วย และถ้าพบตัวคนร้ายให้รีบแจ้งตำรวจทันที