กองปราบ จ่อเช็คบิล 13 ตำรวจ เข้าข่าย 157 หรือไม่ สัปดาห์หน้ารู้ผล

กองปราบ แถลงเพิ่ม ความคืบหน้าคดีกำนันนก ขยายผลตำรวจทั้ง 13 คน เข้าข่ายความผิด ม.157 หรือไม่ อาทิตย์หน้ารู้แน่

ภายหลังจากการประชุมชุดพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เมื่อช่วงเช้า 19 ก.ย. 66 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิตภายในที่ทำการของนายประวีณ จันทร์คล้าย อดีตกำนันนก นานกว่า 1 ชั่วโมง

พันตำรวจเอกวิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ยืนยันว่าการรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรคภาค 7 ของกองปราบปรามไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่องจากชุดคณะทำงานที่ภาค7  โดยเมื่อรับมาจะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้เพียงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเวลา 10 นาฬิกา แต่โฆษกยืนยันว่า แม้จะกู้ไม่ได้แต่ตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้

ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พันตำรวจเอกวิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน ว่าคืนนั้นแต่ละคนทำอัไรยังไงบ้าง ต้องไล่รายละเอียด 1 นาย ต่อ 1 รายงาย และแม้ว่าตำรวจจะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้ เพราะยังอยู่ในสถานภาพตำรวจ

นอกจากนั้นคณะทำงาน ได้ทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และจะเร่งดำเนินการให้ทันผัด 2 ของการฝากขัง ( ผัดแรกหมด 22 กันยายน)

ส่วนประเด็นความชัดเจนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก ว่ามีตำรวจนายไหน เข้าข่ายกระทำความผิด ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งจะต้องยึดข้อเท็จจริงเป็นหลัก ประกอบกับตามพยานหลักฐานที่มี ทั้งหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประจักษ์พยาน และกล้องวงจรปิดบริเวณสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด เนื่องจากว่าถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะสามารถวางหรือไล่ไทม์ไลน์ได้ว่าแต่ละคนมีพฤติการณ์อย่างไร ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ ช่วงเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมถึงจะต้องให้ทางผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เข้ามาร่วมกันวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบด้วย

พันตำรวจเอกวิวัฒน์ ยังกล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อขัดแย้งกับคำให้การหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที

คลิปอีจันแนะนำ
คลี่ทีละปม สังหาร สารวัตรสิว เพราะ ส่วยสติกเกอร์