3 เดือน ยึดทรัพย์-ตัดวงจรยาเสพติดทั่วประเทศกว่า 300 ล้านบาท

นายกฯ ชื่นชมกระทรวงยุติธรรม หลังโชว์ผลงาน 3 เดือน ยึดทรัพย์-ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ รวม 2,932 รายการ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ชี้เป็นแนวทางแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ง่ายขึ้น

ตัดให้สิ้น วงจรยานรก ตัดวงจร ตัดเดือดร้อน สร้างความสุขให้บ้านเมือง-ประชาชน

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 39 เครือข่าย จำนวนทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 106.8 ล้านบาท

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยการปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายการค้ายาเสพติดในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด และได้กำชับให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งในด้านการปราบปรามได้เน้นย้ำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย มุ่งดำเนินการต่อเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยใช้แนวทางการสืบสวนขยายผลไปดำเนินการกับผู้สั่งการในระดับที่สูงขึ้นไป และใช้มาตรการยึดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดให้ต่อเนื่องจริงจัง
ภาพจากอีจัน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ 5/2563 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 โดยเป็นการบูรณาการร่วมของ 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงมหาดไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กองทัพบก ,หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ,กรมสรรพากร โดยมี เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธาน/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฯ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย และอำนวยการปราบปรามและยึดทรัพย์สินเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยใช้กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายฟอกเงิน หรือประมวลรัษฎากร มาใช้เพื่อทำลายโครงสร้างการค้ายาเสพติด
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ผลการปฏิบัติในวันนี้ (8 พ.ค.2563) สืบเนื่องมาจากการบูรณาการข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคำสั่งจัดตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งได้ขยายผลจากคดีจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ต่าง ๆ นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในข้อหาสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ ตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และศาลได้อนุมัติหมายจับรวม 49 คน กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศ และได้สนธิกำลังเข้าทำการจับกุม และยึดทรัพย์สินพร้อมกันทั่วประเทศมากกว่า 60 จุด ภายใต้ยุทธการ “พิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ครั้งที่ 1/63” ในเบื้องต้นประมาณการทรัพย์สินที่ตรวจยึดมีมูลค่ากว่า 106.8 ล้านบาท

นับตั้งแต่มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งยึด/อายัดทรัพย์สินของเครือข่ายการค้ายาเสพติดรวมทั้งสิ้น 2,932 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 372.2 ล้านบาท เป็นเงินสดประมาณ 29.4 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ ประมาณ 342.9 ล้านบาท

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังบอกอีกว่า วันนี้ตนมาติดตามดูเรื่องที่บกพร่อง ส่วนตัวต้องการให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ทั้งแผนงานงบประมาณและบุคลากรที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ซึ่งขอชื่นชมการดำเนินการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็วอย่างที่ตนต้องการ โดยจะเห็นได้จากการยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ภาคต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มีการเข้าออกนอกประเทศ จึงต้องเข้มงวดและดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว

แม้วันนี้สามารถปราบปรามได้แค่ผู้ค้ารายย่อย เพราะผู้ค้ารายใหญ่ยังติดปัญหาเรื่องการประสานงานและจับกุม ขณะที่เครือข่ายค้ายาเสพติด ก็ปรับวิธีการมากมาย ดังนั้นต้องติดตามดูว่า บุคคลเหล่านี้ มีทรัพย์สินยึดโยงกับใครและฟอกเงินอย่างไร หากสามารถปราบปรามได้อีก เครือข่ายก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องหาวิธีการอื่นเพิ่มเติมอีก เพื่อให้ทันกับเครือข่ายค้ายาเสพติดและสามารถตัดให้ครบวงจรได้

ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและมีความปลอดภัย รวมถึงการยึดทรัพย์ต้องระมัดระวังเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม แต่ขอเจ้าหน้าที่ระมัดระวังเรื่องเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตน โดยหากพบ จะลงโทษอย่างหนัก ดังนั้น ขอเจ้าหน้าที่รัฐ อย่าทุจริตและเห็นแก่ได้ ส่วนเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ มองว่า หากสามารถกำจัดได้ จะทำให้การแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ง่ายและรวดเร็วขึ้นด้วย

การบูรณาการยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ถือเป็นการปิดช่องว่าง ตัดวงจรการค้าของเครือข่ายนักค้ายาเสพติดได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ โดยหากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386 ตลอด 24 ชั่วโมง