21 ส.ค. 63 ที่กระทวงยุติธรรม มีรายงานว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด” เพื่อจับกุมนายทุน และผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด รวมถึงจัดตั้งกลไกการบูรณาการการปราบปรามยาเสพติด เพื่อสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนเส้นทางการเงินของเครือข่าย นางสาวชบา จนนำไปสู่การตรวจค้น เป้าหมายเครือข่ายยาเสพติด เพื่อตัดวงจรด้วยการยึดทรัพย์ ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย โดยปฏิบัติการสืบสวน สอบสวนเครือข่ายยาเสพติดอย่างเข้มข้น เพื่อติดตามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทางกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสามารถอายัดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินที่เป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู กระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดไทยและต่างประเทศ ฯลฯ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ยุทธการครั้งนี้ทางดีเอสไอใช้เวลาในการติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมากกว่า 3 เดือน และนำเทคโนโลยีสืบค้นธุรกรรมทางการเงินมาใช้เพียง 2 เดือน ก็สามารถเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันได้ถึง 5 จุด ในจังหวัดชลบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร 2 จุด คือ เขตบางเขน และ เขตตลิ่งชัน โดยจุดที่สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากที่สุดในการลงพื้นที่ คือ เขตตลิ่งชันได้ทองคำแท่งน้ำหนักประมาณ 1,000 บาท พระเครื่องและสร้อยทองคำ รวม 35 รายการ เครื่องประดับอื่นอีก 10 รายการ และยังพบธนบัตรไทยและธนบัตรต่างชาติอีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท และมี
– บัญชีธนาคาร จำนวน 65 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท
– บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 85 รายการ มูลค่า 340 ล้านบาท
– รถยนต์ จำนวน 97 คัน มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท
– ทองคำ จำนวน 1,064 บาท มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท
– พระกรอบทอง พร้อมสร้อยทอง จำนวน 30 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้าน
– กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 11 ใบ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท
– เครื่องประดับ มูลค่า 5 แสนบาท
นอกจากนี้ยังพบเงินสดสกุลต่างๆ อาทิ เงินดอลลาร์ เงินกีบลาว เงินดองเวียดนาม รวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท และรวมมูลค่าการยึดทรัพย์ ทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาท
รวมถึงสามารถเข้ายึด อายัดไม้แปรรูป ในจังหวัดสมุทรสาคร ได้อีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งในขณะนี้ดีเอสไอ ได้ส่งมอบให้กรมป่าไม้ ตรวจสอบว่าไม้เป็นชนิดใด มีปริมาณเท่าใด หากพบว่าเป็นไม้ที่ไม่ถูกต้อง ดีเอสไอจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
พ.ต.ท.กรวัชร์ ยังกล่าวถึงในส่วนการปฏิบัติงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในด้านการตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติด ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นธุรกรรมการเงินต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้เครื่องมือติดตามความสัมพันธ์การรับโอนเงินที่เป็นระบบเก่า ซึ่งเป็นการยากในการขยายผล ไปถึงตัวการสำคัญในเรื่องยาเสพติด ประกอบกับท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้ความสำคัญ ในเรื่องของการตัดเส้นทางการเงินของวงจรยาเสพติด ด้วยการยึด อายัดทรัพย์ จึงได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการสืบค้นทางการเงิน โดยเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตัวการสำคัญได้ ทั้งยังสามารถแยกกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออกไปเป็นวงกว้าง และจากการตรวจสอบข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลการชำระภาษี ของกรมสรรพากร พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นหลัก 100 – 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีการชำระภาษี และเมื่อตามเส้นทางของบุคคลเหล่านี้พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เมื่อรวบรวมข้อมูลจนมั่นใจว่ากลุ่มบุคคลนี้ได้กระทำการเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงรับเป็นคดีพิเศษ และได้ปฏิบัติการในวันที่ 19 สิงหาคม 2563 โดยสามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้กว่า 500 ล้านบาท