โชเฟอร์สิบล้อ เผยความรู้สึก หลังศาลยกฟ้องคดียาบ้า 1 เม็ด

ความยุติธรรมมีอยู่จริง ! เปิดใจโชเฟอร์สิบล้อคดียาบ้า 1 เม็ด หลังสู้คดีมานานแรมปี วันนี้ศาลสั่งยกฟ้องแล้ว เตรียมปรึกษาทนาย ฟ้องกลับตำรวจชุดจับกุม

หลังจากที่วันนี้ (22 ก.ย.63) นายโสภณ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 47 ปี โชเฟอร์ขับรถบรรทุกสิบล้อ ชาวชุมพร ที่ถูกตำรวจประจำด่านตรวจถาวรสามร้อยยอด สภ.สามร้อยยอด จับกุมและตกเป็นผู้ต้องหาในคดีครอบครองยาเสพติด 1 เม็ด เข้ารับฟังการพิจารณาคดี พร้อมพนักงานอัยการฝ่ายโจทย์และจำเลย ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ภาพจากอีจัน
โดยผู้พิพากษาใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 10 นาที ให้ยกฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า หลังจากตำรวจนายแรกขึ้นไปค้นหายาเสพติดบริเวณหน้ารถ แต่ไม่พบยาเสพติด ต่อมาตำรวจอีกนายขึ้นไปค้นแล้วพบยาเสพติด (ยาบ้า) 1 เม็ด ขณะที่ตำรวจนายอื่นไม่พบเห็นยาเสพติดดังกล่าว และขณะตรวจค้นจำเลยไม่ได้อยู่ร่วมด้วย พยานหลักฐานที่ได้มาจึงมิชอบ คดีมีเหตุควรสงสัย ศาลพิเคราะห์แล้วจึงยกข้อสงสัยให้เป็นประโยชน์ของจำเลย อ่านข่าวเก่าโชเฟอร์สิบล้อ รอดแล้ว ! ศาลพิพากษายกฟ้อง คดียาบ้า 1 เม็ด
ภาพจากอีจัน
ต่อมา นายโสภณ ได้เดินทางกลับมายัง จ.ชุมพร ก่อนเปิดเผยว่า ตนเป็นเพียงคนจนๆคนหนึ่งที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อตามหาความยุติธรรม เมื่อสงสัยว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง ซึ่งหลายคนไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง แต่ตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากไม่สู้ก็ต้องตกงาน ตนต้องพิสูจน์ตนเอง ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะไม่รู้ความจริง แต่วันนี้ผลออกมาแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ยอมรับว่าเครียดมาก มาวันนี้รู้แล้วว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง นายโสภณ กล่าวต่อว่า ต่อจากนี้ก็จะต้องมุ่งมั่นทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพราะหนี้สินที่มีอยู่ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องจ่ายค่าบ้านเดือนเว้นเดือน เพื่อนำเงินที่หาได้ไปจ่ายค่ารถ สำหรับการที่จะฟ้องกลับตำรวจชุดดังกล่าวนั้น ตนเองกำลังปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และอยากให้ประชาชนทุกคนลุกขึ้นสู้ กับตำรวจบางคนที่มีพฤติกรรมไม่ดี พร้อมวิงวอนให้ทาง ผบ.ตร.ดำเนินการกับตำรวจนอกรีดให้หมดไปจากองค์กร เพราะ ตำรวจพวกนี้มีไม่มาก แต่กลับทำให้ตำรวจน้ำดีจำนวนมากต้องมาเสื่อมเสียไปด้วย
ภาพจากอีจัน
ด้านนางผ่องพรรณ อายุ 45 ปี ภรรยานายโสภณ กล่าวว่า ตนเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของสามีว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ที่เกิดเรื่อง ตนกับสามีต้องเดินทางไปมาเพื่อรายงานตัว และไปให้ปากคำ ซึ่งทุกถ้อยคำทุกครั้งที่ถูกสอบปากคำ ก็ยังเป็นคำเดิม จนในวันนี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า สามีตนบริสุทธิ์จริงๆ หลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้ตนและสามีคลายวิตกกังวลไปมาก นางผ่องพรรณ ยังกล่าวอีกว่า ประชาชนทุกคนไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับตำรวจ เพราะเชื่อว่าไม่มีทางชนะได้ และหลังจากถูกดำเนินคดีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ตนและครอบครัวสูญเสียโอกาสหลายอย่าง ต้องอยู่ในสถานะยากลำบาก เนื่องจากขาดรายได้หลักจากสามี ที่เคยทำอาชีพขับรถสิบล้อได้เงินเดือน เดือนละ 20,000 กว่าบาท ปัจจุบันต้องไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เงินเดือนเพียง 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังถูกยึดใบขับขี่สาธารณะ ไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกได้เหมือนเดิม
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน