ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 เปิดใจกับอีจัน คดีป้าบัวผัน ไม่มีเลศนัย ไม่มีเหตุผลจะต้องช่วยเหลือคนผิด !
วันนี้(16 ม.ค.67) พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้สัมภาษณ์กับอีจัน ในคดีป้าบัวผันที่ตกเป็นเหยื่อของฆาตกรวัยเยาว์ คดีนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลายเป็นข้อครหาของสังคมว่าดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ หลัง 1 ในผู้ต้องหาเยาวชน เป็นลูกของตำรวจที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.สมประสงค์ เผยกับอีจัน ว่า หลังจากที่รับแจ้งเหตุ ผู้ต้องสงสัยคนแรก คือ คนใกล้ตัว นั่น คือ สามีของป้าบัวผัน ตำรวจได้เรียกลุงมาสอบ จนกระทั่งลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ว่า เป็นคนลงมือฆ่าเมียตัวเอง อีกทั้งยังพบร่องรอยคราบเลือดบริเวณกางเกงของลุงเปี๊ยก ตำรวจได้เก็บเลือดไปตรวจ DNA แล้ว แต่ผลยังไม่ออก
หลังจากนั้น ตำรวจได้ไปเจอหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อ ที่ทำให้ความจริงปรากฏ คนก่อเหตุไม่ใช่ ลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผัน แต่เป็นแก๊งโจ๋ 5 คน ซึ่ง 1 ใน 5 คนนั้น เป็นลูกตำรวจ และที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือ ทั้ง 5 คนเป็นเพียงเยาวชนอายุสูงสุดเพียง 16 ปี แต่เยาวชนทั้ง 5 คนนั้น ได้เข้ามามอบตัวเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวต่ออีกว่า พ่อของ 1 ในผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจนั้น ก็มารู้ความจริงว่าลูกลงมือก่อเหตุหลังจากที่ได้เห็นกล้องวงจรปิด และ ทั้ง 5 คน ได้รับสารภาพว่าลงมือทำร้ายป้าบัวผันจนเสียชีวิตจริงๆ สาเหตุเกิดจากการที่ทั้ง 5 คนเข้าไปแกล้งป้าบัวผันหลายรอบ จึงโดนป้าด่าอย่างรุนแรงและควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทั้ง 5 คนจึงเกิดความแค้น จึงได้ก่อเหตุสลดนี้
ประเด็นที่สังคมกำลังเข้าใจผิด คือ มีข่าวว่าตำรวจนำตัว ลุงเปี๊ยกเข้าเซฟเฮ้าส์นั้น ไม่เป็นความจริง พล.ต.ท.สมประสงค์ เผยว่า หลังจากที่ปล่อยตัวลุงเปี๊ยกแล้ว ทางตำรวจได้ติดต่อญาติให้มารับ และ ตอนนี้ลุงเปี๊ยกอยู่ในการดูแลของญาติที่ คลองน้ำใส จ.สระแก้วแล้ว
“ไม่มีเหตุจูงใจที่จะต้องไปช่วยลูกตำรวจ เรื่องนี้ไม่มีเลศนัย ไม่ต้องห่วง เพราะว่า เราไม่มีการช่วยเหลือแน่นอน ทุกวันนี้ผู้ต้องหาล้นคุก ผลงานตำรวจทั้งนั้นนะ ตำรวจไม่ว่ายศชั้นไหนก็โดนจับกัน อย่าว่าแต่ตัวลูกเลย ตัวพ่อเขาก็ไม่มีอิทธิพลใหญ่โตอะไร ควรจะพูดด้วยซ้ำ ว่า มันเกิดความผิดพลาด เพราะ มีผู้ต้องหามารับสารภาพ ดำเนินการตามกฎหมาย ควรจะยกย่องด้วยซ้ำว่า ตำรวจมีสปิริตในความยุติธรรม ไม่ผิดตัว ควรจะออกข่าวในเชิงบวก” พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าว
อีจันยังคงเกาะติดประเด็นนี้อยู่ค่ะ
มีความคืบหน้าอย่างไรจะรีบรายงานค่ะ