ญาติเข้ารับศพ หนุ่มถูกยิงบนโรงพัก ชี้ ทำเกินกว่าเหตุ เตรียมเอาผิด ตร.

ครอบครัวของ หนุ่มถูกยิงบนโรงพัก เข้ารับศพ ไปบำเพ็ญกุศล พร้อมโวย คนร้าย ทำเกินกว่าเหตุ เตรียมแจ้งความ เอาผิด ตร. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

หลังจากที่เมื่อวานนี้ เกิดเหตุอุกอาจ หนุ่มวัย 27 ปี รัวยิงคู่กรณี กลางห้องสอบสวน สน.หลักสอง ดับคาที่ ก่อนหลบหนีไป และถูกควบคุมตัวในภายหลัง

ตร.ควบคุมตัวหนุ่มวัย 27 รัวยิงคู่กรณี คดีทะเลาะวิวาทต่อหน้า ตร.หลักสอง

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันนี้ (17 ธ.ค. 65) นางนุชนารถ อายุ 58 ปี แม่ผู้เสียชีวิต และนางสาวปภาดา อายุ 32 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต นางสาวไหมใจ อายุ 38 ปี ได้เดินทางมาที่ นิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อรับร่างของนายคมสัน หรือม่อน อายุ 33 ปี ไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา

นางสาวปภาดา เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เกิดจากเพียงแค่การทะเลาะวิวาทกันบนท้องถนน แต่กลับกลายมาเป็นความสูญเสียถึงชีวิต จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากในวันเกิดเหตุแรก วันที่ 27 กันยายน 65 คู่กรณีต้องการจะยูเทิร์น แต่คู่กรณีไม่ได้ต่อแถวเข้าคิวเพื่อยูเทิร์นตามที่รถคันอื่นทำ แฟนตนซึ่งตอนนั้นขับรถมาในทางตรงจึงไม่ให้ทาง สร้างความไม่พอใจให้กับคู่กรณี เมื่อคู่กรณียูเทิร์นกลับมาได้ก็ขับรถตามรถตนมา พร้อมกับเปิดไฟสูง จากนั้นคู่กรณีขับรถออกเลนซ้ายเพื่อแซงขึ้นข้างหน้า ยอมรับว่าตอนนั้นสามีตนก็โมโห จึงมีการขับรถปาดกันไปกันมา สามีตนจึงหยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มแล้ว ซึ่งอยู่ในรถขว้างออกไปที่รถของคู่กรณี เพื่อจะให้คู่กรณีหยุดรถ จะได้พูดคุยเจรจากัน ซึ่งคู่กรณีก็หยุดรถและสามีตนก็ไปจอดขนาบข้าง คู่กรณีลดกระจกลงมาพร้อมกับการถ่ายคลิป ซึ่งจังหวะนั้นก็มีการตอบโต้เถียงด้วยถ้อยคำ เขวี้ยงข้าวของไปมาจนโดนหน้าสามีตน ทำให้สามีตนโมโห และเข้าไปต่อยคู่กรณี 1-2 ครั้งเท่านั้น ส่วนคู่กรณีก็ต่อยสวนคืนมา จึงไม่คิดว่าจะเป็นคดีเพราะคิดว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างลูกผู้ชาย จากนั้นหลานชายของตนได้ลงไปห้าม ไม่ได้ลงไปรุมทำร้ายตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง และทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป ซึ่งในระหว่างนั้นมีพยานเห็นว่าคู่กรณีมีปืน ส่วนเรื่องการใช้สนับมือนั้นตนยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีจริงแผลที่ใบหน้าของคู่กรณีคงไม่ใช่แค่รอยฟกช้ำ

ส่วนการเจรจาบนสน.หลักสองนั้น ก่อนหน้านี้ตนและคู่กรณีไม่เคยมีการเจรจากันมาก่อน วันที่เกิดเหตุเป็นการนัดเจรจากันครั้งแรก โดยคู่กรณีมีการเรียกเงิน 9 ล้านบาทจริง ซึ่งตนเป็นแม่บ้าน หาเช้ากินค่ำ จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายในจำนวนมากมายขนาดนั้น ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้รุนแรง แต่เมียของคู่กรณีได้พูดขึ้นว่า ไม่คิดจะขอโทษบ้างเหรอ สามีตนที่นั่งหันหน้ามานางพนักงานสอบสวนจึงเอี้ยวตัวไปขอโทษคู่กรณีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้รุนแรง ตามที่อยู่กรณีอ้าง จึงอาจจะเป็นฉนวนเหตุที่ผู้ก่อเหตุ

ไม่พอใจ และไปเอาปืนมายิงสามีตน ทั้งนี้เชื่อว่า คู่กรณีจงใจที่จะก่อเหตุ เพราะมีการพกปืนมาด้วย ลักษณะการจอดรถก็จอดที่หน้าประตู สน.พอดี พอก่อเหตุยิงทั้งคู่แล้ว ก็วิ่งไปขึ้นรถและหลบหนีไป และมีคนสังเกตุเห็นว่า ภรรยาของผู้ก่อเหตุมีการใส่ที่อุดหู ซึ่งคนซ้อมยิงปืนมักจะใส่กัน จึงตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าไม่ได้เตรียมการ หรือมีส่วนรู้เห็น จะมีการใส่จุกอุดหูมาก่อนเพื่ออะไร

ทั้งนี้ตนมองว่าเหตุที่เกิดขึ้นมันรุนแรงเกินไป จากเหตุทะเลาะวิวาท กลายมาเป็นเหตุยิงกันตาย อีกทั้งไม่ได้ยิงนัดเดียว แต่คนร้ายรัวยิงจนหมดแม็ก ในพื้นที่บนโรงพัก ซึ่งสถานีตำรวจเป็นที่พึ่งพาของประชาชน แต่กลับถูกยิงตายบนโรงพัก ถ้าหากตอนนั้นตำรวจมีการระงับเหตุอย่างทันท่วงที สามีคงไม่ตาย หลังจากนี้อาจจะมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเกิดเหตุด้วย เนื่องจากมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ท้ายที่สุดตนอยากถามคนก่อเหตุว่า จิตใจทำด้วยอะไร ตอนที่ก่อเหตุ ตนและลูกก็นั่งอยู่ตรงนั้น ลูกเห็นพ่อเขาถูกยิง ล้มลงไปต่อหน้าต่อตา

คลิปอีจันแนะนำ
เหี้ยม! ฆ่ายัดกระสอบหมกไร่อ้อย @ชัยภูมิ