
สุดท้ายไม่รอด! จับตัวให้แล้ว โจรงัดบ้าน “แจ๊ส ชวนชื่น” ขโมยทรัพย์สิน ไลฟ์สดท้าทายเจ้าหน้าที่
วันนี้ (22 มิ.ย.67) ตำรวจนครบาล บุกรวบ นายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.458/2567 ลงวันที่ 26 มี.ค.67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” หลังนายภูมิพัฒน์ หรือบู๊ ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของนักแสดงชื่อดัง “แจ๊ส ชวนชื่น” และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ออกหมายจับ โดยเจ้าตัวไม่ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ยังคงหลบหนีและโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กและไลฟ์สด ตอบโต้ ยั่วยุ คุกคาม ฝ่ายผู้เสียหายจนกลายเป็นเรื่องบานปลาย
เมื่อเรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พบมีการกล่าวท้าทายมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ อันเป็นการแสดงถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่างจังได้ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะตะลุยชายแดนบูรพา ตามความเรียกร้องของประชาชนที่มาคอมเมนต์ โดยมีการบูรณาการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้วนำกำลัง สืบสวน จ.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้วร่วมสืบสวนติดตาม
แต่แล้วชุดสืบสวนก็ต้องพบว่าเป็น “งานสุดหิน” เพราะความยากจากสภาพแวดล้อม การติดตาม และสายข่าวกลุ่มผี ที่คอยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ให้บู๊ทราบตลอดทำให้ชุดสืบสวนต้องตามหลังก้าวหนึ่งอยู่ร่ำไป ความกดดันเริ่มถาโถมใส่ชุดสืบสวนหลังใช้เวลาหลายวันแล้วยังไม่เจอตัว พล.ต.ต.ธีรเดช จึงสั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่ แสร้งล้มเลิกภารกิจให้ตายใจ ก่อนทิ้งมือดีให้แฝงตัวเป็นวนเวียนอยู่ กระทั่งได้พบกลุ่มผีสายข่าวของบู๊และได้สะกดรอยติดตามไปจนพบตัวเป็น ๆ และกำลังบุกจับได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายภูมิพัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ในทางคดีตนไม่ได้เป็นคนขโมยเอารองเท้าไปตามที่ถูกแจ้งความ ตนเองโดนกลั่นแกล้งโดยใครบางคนเพราะตนเป็นคนชอบพูดตรง ๆ แล้วตนเองก็เป็นดูคนไม่ดีในวงเครือญาติ เพราะตนเองเคยก่อคดีร้ายแรงหลายคดี และจากความเกเรในสมัยก่อนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองหนีเก่งคาดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้ เลยพลั้งเผลอท้าทายเจ้าหน้าที่ไปหลายครั้ง ขอโทษที่ทำลงไป ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ยอมรับว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาจับกุม จะกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อชำระแค้นพวกนี้ให้หมด”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เราไม่ขอรับรางวัลแต่อย่างใด เราทำตามหน้าที่ที่ประชาชนต้องการที่พึ่งพิง แม้ผู้เสียหายจะเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่อีกมุมหนึ่งก็คือประชาชนคนหนึ่ง เรารับรู้ความทุกข์ใจแล้วว่ามันมากเพียงใด และจากพฤติกรรมของผู้ต้องหามีลักษณะ คุกคาม ให้ร้ายกับฝ่ายผู้เสียหาย ซ้ำยังแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวและท้าทายกฎหมาย ถือเป็นภัยสังคม ต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

โดยประวัติ นายภูมิพัฒน์ เคยถูกดำเนินคดี 8 คดี ดังนี้
1. พ.ศ.2546–2548 ก่อเหตุหลายคดี “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธมีดโดยใช้ยานพาหนะ” , “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ” , “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะ” , “ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” , “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ (โทรมหญิง)” โดยทั้งหมดต่างกรรมต่างวาระกันแล้วได้ถูกศาลตัดสินให้จำคุก โดยทั้งหมดถูกจำคุกอยู่เป็นเวลา 9 ปีกว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 54 ถึงวันที่ 13 ก.ย. 63 ก็ได้รับการปล่อยตัว
2. วันที่ 9 ก.พ.67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทฯ” พื้นที่ สน.มีนบุรี
3. วันที่ 3 มี.ค.67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ” พื้นที่ สน.ลาดพร้าว
4. วันที่ 25 มี.ค.67 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” พื้นที่ สน.มีนบุรี (คดีนี้)
หลังจับกุมตัวได้นำตัวนายภูมิพัฒน์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป หากมีความเคลื่อนไหว ‘อีจันจะอัปเดตให้ทราบ



คลิปอีจันแนะนำ
สารวัตรแจ๊ะ ยกทีมรวบ บู๊ พี่ชายแจง ลั่นอย่าท้าทายระบบ !