ตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำตัวผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้ต้องหาลักลอบขนยาเสพติด 2.4 ล้านเม็ด มาสอบปากคำ รับสารภาพก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง อ้างถูกบังคับข่มขู่ การสืบสวนทราบว่าคนสั่งการเป็นเครือญาติเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด หนีคดีอยู่ต่างประเทศ
วานนี้ (4 มี.ค.67) พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด นำตัวผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดสุรินทร์ และพวกอีก 1 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด จากสกลนครไปส่งให้เครือข่ายในสุพรรณบุรี มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ขณะสอบปากคำผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวปฏิเสธที่จะพูดกับสื่อมวลชน โดยนั่งก้มหน้าร้องไห้เพราะเสียใจที่ต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนขยายผล เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพกับตำรวจว่าร่วมกับ พวกอีก 1 คน ลักลอบยาเสพติดมาจากภาคอีสานเข้ามาในพื้นที่ภาคกลาง โดยทำหน้าที่เป็นคนขับรถนำรถขนยาเสพติดเพื่อสำรวจด่านตรวจของตำรวจ โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้รับการว่าจ้างก่อนมาถูกจับได้ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และอ้างว่าตัวเองถูกบังคับข่มขู่ให้ขนยาเสพติดซ้ำ หากไม่ทำจะถูกตามล่าและเปิดโปงพฤติกรรมเนื่องจากเป็นคนมีตำแหน่งข้าราชการระดับสูง
และทราบว่าคนสั่งการเป็นเครือญาติของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว และเป็นอดีตข้าราชการ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในคดียาเสพติดเมื่อปี 2565 เป็นบุคคลที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดอยู่ระหว่างติดตามจับมาดำเนินคดี ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ พบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวมีปัญหาหนี้สินในครัวเรือนค่อนข้างมาก อาจจะเป็นสาเหตุที่รับจ้างมาร่วมลักลอบขนยาเสพติดในครั้งนี้
สำหรับผู้ต้องหาอีกคนที่ขับรถยนต์คันที่ซุกซ่อนยาเสพติด รับสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการคนดังกล่าวขนยาเสพติดมาแล้ว 1 ครั้ง จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วผู้ต้องหาเคยถูกจับดำเนินคดี กรณีขับรถยนต์ลักลอบขนยาเสพติดจำนวน 11 ล้านเม็ด ก่อนพ้นโทษออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งตามกฎหมายแล้วผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีแล้วออกมากระทำความผิดซ้ำ ศาลอาจจะพิจารณาเพิ่มโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา เช่นเดียวกับข้าราชการก็จะได้รับโทษหนักกว่าคนทั่วไป
คลิปอีจันแนะนำ
ระทึก 3 เม็ด คลั่งเเหกด่าน