จากกรณีข่าว “ เคนมผง ” ยาสูตรนรกดับชีวิตนักเสพต่อเนื่องถึง 7 ราย ภายใต้คำถามของประชาชน “ มันคืออะไร ”
ล่าสุดวันนี้ (12 ม.ค. 64) พล.ต.ต.ธนิต จิรนันท์ธวัช นายแพทย์ (สบ.6) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง “ เคนมผง ” ที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุท้องที่ สน.วัดพระยาไกร ว่า มีของกลางที่ถูกส่งมาตรวจพิสูจน์ 2 ชิ้น
ชิ้นที่ 1 ตรวจพบสารเสพติด 2 ตัว คือ เคตามีน และไดอะซีแพม ซึ่งเป็นกลุ่มยานอนหลับ
ชิ้นที่ 2 ตรวจพบสารเสพติด 3 ชนิด คือ เคตามีน เฮโรอีน และยาอี แต่ไม่พบยาไอซ์และยานอนหลับ
การทำ “เคนมผง” เป็นสูตรไม่ตายตัว เนื่องจากขึ้นอยู่กับผู้ผลิตที่จะนำส่วนผสมมารวมกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามต้องการ โดยทั้ง 2 สูตรไม่พบส่วนผสมของไอซ์ และนมผงตามชื่อยาที่เรียกกัน เชื่อว่าแหล่งที่มาของสารมาจากคนละแหล่ง ซึ่งตัวสารที่ความรุนแรงมากที่สุดคือ “เฮโรอีน” หากได้รับเกินขนาดถึงขั้นเสียชีวิตได้ รองลงมาเป็น “เคตามีน” ทำให้รบกวนการทำงานของหัวใจได้ ส่วนยานอนหลับจะมีฤทธิ์เบากว่า ยกเว้นได้รับปริมาณมาก ๆ ก็ทำให้เสียชีวิตได้
ส่วนสาเหตุที่ “เคนมผง” ที่มีฤทธิ์อันตรายรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต เนื่องจากมีการใช้ยาหรือสารเสพติดรวมกันหลายชนิด ทำให้เกิดพิษสะสมเพิ่มเติม ส่งเสริมความความแรงของพิษต่อร่างกาย และต่ออวัยวะอย่างรุนแรงและเฉียบพลันมากขึ้น บางครั้งเป็นการกดผลข้างเคียงของยาตัวอื่น ทำให้เวลาเสพเข้าไปไม่รู้สึกถึงผลข้างเคียง ทำให้มีความเสี่ยงได้รับยาที่สูงเกินขนาด จนกระทั่งถึงแก่ชีวิต เนื่องจาก เคตามีน มีฤทธิ์กดประสาท มีผลต่อความดันโลหิตสูง ลดอัตราการหายใจ มีอาการฝัน เมื่อเสพในปริมาณมากทำให้เสียชีวิต และหากมีส่วนผสมของยาอี ที่มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจก็จะทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนยานอนหลับ เชื่อว่าผู้เสพนำมาผสมขึ้นเพื่อให้เกิดตัวยาใหม่
ผบช.ปส. เผย เร่งหาต้นตอแหล่งผลิต เคนมผง ชี้ เสพเพียงครั้งเดียวอาจถึงตายทั้งนี้มีการตรวจพบสูตรยาในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยมีการผสมมากสุด 3 ชนิด ซึ่งในเมืองนอกมีรายงานเสพยาลักษณะนี้ แต่การเสียชีวิตหมู่ 6-7 ศพ ถือว่าพบครั้งแรกที่เสียชีวิตพร้อมกันขณะนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธนิต ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ สน.วัดพรยาไกร ได้ส่งผู้เสียชีวิต รายที่ 7 จากการเสพยาเคนมผงให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจพิสูจน์ชันสูตร คาดว่าจะทราบผลเร็ว ๆ นี้ จึงฝากเตือนประชาชน ว่า “ ยาเคนมผงไม่ใช่สารเสพติดธรรมดาที่จะเสพแล้วได้ผลตามต้องการ แต่เป็นสารเสพติดรุนแรงหลายชนิดรวมกัน อันตรายร้ายแรง ทำให้เสียชีวิตได้โดยไม่คาดคิด ”