
วันนี้ (18 เม.ย. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้าเฮโรอีนรายใหญ่ระดับสั่งการ รวมผู้ต้องหา 8 ราย และตรวจยึดเฮโรอีน 94 กิโลกรัม ไอซ์ 182 กิโลกรัม ยาบ้า 7 แสนเม็ด คีตามีน 25 กิโลกรัม และสารเสพติดไม่ทราบชนิด 1,250 ขวด
โดยคดีที่เกี่ยวข้องคดีที่ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10-11 เม.ย. ที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (NSB) ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานร่วมภายใต้โครงการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศท่าเรือสากลของอาเซียน หรือ Seaport Interdiction Task Force (STTF) เข้าตรวจสอบพัสดุ หลังพบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่คลังสินค้าแห่งหนึ่ง เขตนึงกุ่ม พบเฮโรอีน 30 กิโลกรัม ซุกซ่อนไปกับแผ่นเรซิ่นเตรียมส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ส่งสินค้าคือน.ส.กานดา อายุ 33 ปี ก่อนจะถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นผู้ส่งเฮโรอีนจริง และใช้บัตรประชาชนของผู้อื่นในการจัดส่ง ส่วนยาเสพติดรับมาจากผู้ขายชื่อเถ้าแก่ และมีนายตี๋เป็นล่ามและจ่ายเงินให้ ซึ่งถูกจับกุมเช่นเดียวกัน ส่วนผู้รับนั้นเป็นลูกครึ่งไทย – ออสเตรเลีย
ต่อมา เจ้าหน้าที่พบว่าเครือข่ายนี้จะมีการส่งยาเสพติดไปต่างประเทศอีกครั้งในช่วงใกล้วันสงกรานต์ จึงขยายผลจากฐานข้อมูลที่บช.ปส. มีอยู่ จนเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา สามารถจับกุม Mr.LEUNG หรือเถ้าแก่ สัญชาติมาเลเซีย ได้ที่ปั้มน้ำมันย่านพระราม 3 พร้อมไอซ์กว่า 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกรอบรูปเตรียมส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงได้มีการจับกุมนายจายหลู่ หรือชาวไทยใหญ่ ได้ที่ปั้มน้ำมันในซอยสาธุประดิษฐ์ 15 พร้อมสอบสวนและขยายผลเพิ่มเติมก่อนไปตรวจค้นที่พักย่านพระราม 3 พบว่า เป็นห้องสำหรับจัดเตรียมยาเสพติด เพื่อซุกซ่อนไปกับสินค้าชนิดต่าง ๆ ซึ่งผลการตรวจค้นพบไอซ์ 13 กิโลกรัม และไอซ์เกล็ดผสม 18 กิโลกรัม ไอซ์เหลว 1 กิโลกรัม และของเหลวไม่ทราบชนิดอีก 1,250 ขวด เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิสูจน์ชนิดของสารเสพติด
นอกจากนี้ยังจับกุม Mr.Kai สัญชาติฮ่องกง ได้เพิ่มอีก 1 ราย ก่อนจะเข้าตรวจค้นห้องพักเป็นคอนโดแถวถนนเลี่ยงวงแหวนอุตสาหกรรม พบเฮโรอีน 64 กิโลกรัม และไอซ์ 128 กิโลกรัม ทั้งนี้กองปราบปรามยาเสพติด ยังได้มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากฐานข้อมูล พบว่า ผู้ต้องหานั้นเกี่ยวข้องกับการส่งพัสดุไปต่างประเทศอีกหลายประเทศ จึงต้องสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.สกส. และบก.ขส. ร่วมกันจับกุมนายณัฐวุฒิ อายุ 31 ปี และน.ส.อรุณี อายุ 36 ปี หลังพบความเคลื่อนไหว ซึ่งทั้งคู่ได้มีการเตรียมนำยาเสพติดจากจ.เชียงราย มาส่งให้กับลูกค้าในภาคตะวันออก จึงได้วางกำลังไว้ตลอดเส้นทางที่ผ่านก่อนจะจับกุมได้ที่ริมถนนอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจค้นรถพบยาบ้า 7 แสนเม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์ และทำการยึดรถคันดังกล่าว พร้อมโทรศัพท์มือถืออีก 6 เครื่อง
และคดีที่ 3 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. และบก.ปส.3 ได้จับกุม นายณรงค์ศักดิ์ อายุ 40 ปี และนายพิชา อายุ 42 ปี หลังรับแจ้งว่า 2 ผู้ต้องหาจะนำยาเสพติดจากภาคเหนือมาส่งให้กับลูกค้าในจ.นนทบุรี โดยใช้รถยนต์เป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด จึงวางกำลังในเส้นทางที่รถขับผ่าน ก่อนจะจับกุมตัวได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจค้นรถต้องสงสัยที่ปั๊มน้ำมันเขตเขาทอง พบไอซ์ 20 กิโลกรัม และเคตามีน 25 กิโลกรัม
ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์จึงได้ตรวจยึดพร้อมรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน หรือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ก่อนจะนำยาเสพติดของกลางมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลายต่อไป