
ทนายรัชพล ศิริสาคร รับเป็นที่ปรึกษาเคสใหม่ ตั้งชื่อ “ขุนแผน 2022” หลังมีหญิงผู้เสียหายกว่า 13 ราย เข้าปรึกษาหาทางออก กรณีตกเป็นเมียน้อยของชาย วัย 61 ปีโดยไม่รู้ตัว หลอกคบหาอ้างว่าหย่ากับภรรยาแล้ว ต่อมาเมียหลวงรู้เรื่องขู่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ทำให้เรื่องแดง จนพบว่ามีหญิงผู้เสียหายถูกหลอกหลายราย และทุกคนต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค. 65) เมื่อเวลา 14.30 น. ทนายรัชพล ศิริสาคร พาหญิงผู้เสียหาย 3 ราย เป็นตัวแทน เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. ลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาเป็นเมียน้อย และหากถูกเมียหลวงฟ้องจะได้มีหลักฐานต่อสู้คดี
ทนายรัชพล กล่าวว่า ได้พาหญิงผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังพบว่าทางผู้ชายวัย 61 ปี มีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย และยังไม่ได้หย่าร้าง ตามที่อ้างกับหญิงสาว อีกทั้งมีข้อมูลว่าฝ่ายภรรยาหลวง เตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มภรรยาน้อย สำหรับกรณีนี้ พบชายวัย 61 ปี ได้หลอกหญิงสาว ให้อยู่ในสภาพอนุภรรยาโดยไม่รู้ตัว รวมล่าสุด 13 ราย ซึ่งรายสุดท้ายเพิ่งติดต่อมาหาตนเมื่อเช้าที่ผ่านมา เพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกหลอกให้เป็นเมียน้อยหลังมีข่าวออกไป โดยการลงบันทึกประจำวันครั้งนี้ เพื่อต้องการป้องกันปัญหาในอนาคต หากเกิดการฟ้องร้องในชั้นศาล จะได้นำบันทึกดังกล่าวไปเป็นหลักฐาน ว่าทั้งหมดตกเป็นเหยื่อ โดยไม่มีเจตนา ส่วนการดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก
ด้าน นางสาวเอ (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า ส่วนตัวคุยกับชายคนดังกล่าวมานานกว่า 1 ปี โดยมีสถานะเพียงแฟน ยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ซึ่งฝ่ายชายบอกว่าได้หย่าร้างกับภรรยามานานกว่า 8 ปีแล้ว และต้องการแต่งงานกับตน พร้อมไปใช้ชีวิตด้วยกันที่ภาคใต้ และมีความพยายามนัดเจอ เพื่อออกมารับประทานอาหารร่วมกัน แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อ จึงปฏิเสธที่จะไปตามนัดหมาย อย่างไรก็ตาม ตนกับชายคนดังกล่าว รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ยอมรับที่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก เพราะมีผู้เสียหายคนก่อนหน้า ซึ่งตกเป็นเมียน้อย โทรศัพท์มาบอกว่าชายคนดังกล่าวมีครอบครัวแล้ว
ส่วน นางสาวบี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายอีกคน เผยว่า ตนได้เลิกกับชายคนดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2564 หลังอยู่กินร่วมกันมา 2 ปี โดยไม่รู้ตัวว่าถูกหลอก ซึ่งระหว่างที่คบหากันไม่พบพิรุธใดที่บ่งบอกว่าฝ่ายชายมีครอบครัวแล้ว ซึ่งฝ่ายชายอยู่กินกับตัวเองปกติ สังคมรอบข้างรับรู้ เริ่มสงสัยในชายคนดังกล่าว หลังพบภาพไปเที่ยวกับครอบครัวและญาติในเฟซบุ๊ก ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาแต่ฝ่ายชายไม่รับสาย จึงส่งข้อความทางเฟซบุ๊กไปหา พร้อมสืบค้นข้อมูลต่างๆ เพื่อหาความจริง จนพบภาพภรรยาและลูกของฝ่ายชาย ตนจึงตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ทันที กระทั่งพบพฤติกรรมว่าฝ่ายชายได้เข้าไปกดไลก์นางสาวเอบ่อยครั้ง รวมถึงมีการแสดงความเห็นเชิงจีบฝ่ายหญิง ตนจึงติดต่อไปหาฝ่ายหญิง เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด
ขณะที่ นางสาวซี (นามสมมุติ) อีกหนึ่งผู้เสียหาย เผยว่า เพิ่งคบกับชายคนดังกล่าวมา 8 เดือน ซึ่งตลอดเวลาที่คบหากัน ฝ่ายชายไม่มีพฤติกรรมบ่งบอกว่า มีครอบครัวแล้ว ส่วนตัวเพิ่งมาทราบจากข่าวว่า ตัวเองตกเป็นเหยื่อของผู้ชายคนนี้ จึงติดต่อหานางสาวเอ เพื่อรวมตัวกันมาลงบันทึกประจำวัน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่พวกตนทั้ง 3 คน ไปออกรายการดัง ชายคนดังกล่าวยังอ้อนวอนขอให้ ตัวเองยืนเคียงข้าง โดยอ้างว่าจะไปหย่ากับภรรยา และมาอยู่กินอย่างเปิดเผยกับตน แต่ตนก็ปฏิเสธ เพราะไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้รับลงบันทึกประจำวันตามประสงค์ของผู้แจ้งทั้ง 3 ราย