ตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊ง อุ้มบุญข้ามชาติ เปิดธุรกิจบังหน้า

สลดใจ ตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊ง อุ้มบุญข้ามชาติ เปิดธุรกิจบังหน้า ค้าชีวิตทารก

เครือข่ายนรก! “อุ้มบุญข้ามชาติ” ค้าชีวิตทารก

วันนี้ (5 ก.พ.64) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. แถลงข่าวกรณีการจับกุมขบวนการแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีเด็กทารก อายุประมาณ 4 เดือน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วยภาวะชักเกร็ง และมีเลือดออกในสมอง แพทย์วินิจฉัย “เกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง”

จากนั้น ตำรวจ ได้สอบปากคำมารดาของทารกดังกล่าว รับว่า ได้รับจ้างตั้งครรภ์แทนด้วยวิธีการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ “การอุ้มบุญ” และรอการส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง โดยจะมีนายหน้าชาวต่างชาติเป็นผู้ว่าจ้าง และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่จะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา เพื่อไปฝังตัวอ่อนทารก จากนั้นก็จะกลับมายังประเทศไทย เมื่อถึงกำหนดคลอด ผู้ว่าจ้างจะสั่งให้มารดาผู้อุ้มบุญ เดินทางไปยังประเทศที่สาม เพื่อทำการคลอดในประเทศของผู้จ้าง และทำการส่งมอบทารกในคราวเดียวกัน

สำหรับเคสนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แม่อุ้มบุญ ไม่สามารถเดินทางออกไปคลอดนอกประเทศได้ จึงต้องคลอดในประเทศไทยแทน และทำการส่งมอบทารกให้นายจ้าง จากนั้นนายจ้างชาวต่างชาติจะมอบค่าตอบแทนให้ 500,000 บาท ถือเป็นการเสร็จสิ้นการอุ้มบุญ

จากกรณีดังกล่าว ตำรวจ สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามกลุ่มชาวต่างชาติที่ว่าจ้างหญิงไทย ให้อุ้มบุญ จนทราบว่า กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นนายหน้าจัดหาเด็กทารกนั้นได้เปิด สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ชื่อว่า “ GS กิ๊ก บริการศูนย์แม่บ้าน ” มีการรับเลี้ยงดูแลเด็กทารกจริง และมีเด็กทารกอยู่ในความดูแล จำนวน 2 คน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นทารกที่เกิดจาก “ ขบวนการอุ้มบุญ ” ลักษณะเดียวกันกับมารดาผู้รับจ้างตั้งครรภ์ ที่ตำรวจทำการตรวจพบก่อนหน้านี้จริง ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่า เด็กที่ถูกส่งตัวข้ามประเทศ จะถูกดูแลแบบอย่างดี หรือส่งไปเพื่อเป็นธุรกิจการค้ามนุษ

จากนั้นตำรวจ ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ามีกลุ่มหญิงไทยที่ได้รับจ้างตั้งครรภ์แทน และเดินออกนอกประเทศเพื่อฝังตัวอ่อนในลักษณะเดียวกันอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง รายละเอียดดังต่อไปนี้

1.กลุ่มชาวต่างชาติผู้เป็นนายหน้าว่าจ้างให้หญิงไทยตั้งครรภ์แทน จำนวน 3 ราย

2.กลุ่มหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนมี จำนวน 4 ราย

จากการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทั้ง 9 จุด ในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (5 ก.พ. 64) บก.สอท.4 บช.สอท. มีผลการปฏิบัติดังนี้

– สามารถช่วยเหลือเหยื่อเป็นเด็กได้ จำนวน 2 ราย อายุประมาณ 6 เดือน และอายุประมาณ 8 เดือน

– ตรวจพบผู้ดูแลเหยื่อเป็นบุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์ จำนวน 2 ราย

– สถานที่ตรวจพบเปิดเป็น บริษัททำความสะอาดบังหน้า โดยใช้ชื่อหญิงชาวจีน

– พบผู้หญิงที่ยอมรับว่าเป็นผู้ที่อุ้มบุญ จำนวน 3 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน

– ตรวจพบผลแล็บจากสถาบันเอกชน ยืนยันว่า DNA ของพ่อเด็กเป็นคนสัญชาติจีน

– อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนขยายผลของ บช.สอท.

ทั้งนี้ ในการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 24 “ ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท “ มาตรา 27 “ กระทำการเป็นคนกลางหรือนายหน้าโดยเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนในการจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจยึดของกลาง เป็นสมุดบัญชี และอุปกรณ์ ต่างๆ ที่น่าเชื่อได้ว่า มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีว่า 95,000,000 บาท โดยตำรวจเร่งขยายผลการจับกุมเครือข่ายอุ้มบุญต่อไป