นี่เหรอคนเป็นเพื่อน? ยักยอกเงินเบี้ยประกัน ทำเป็นหนี้ไม่รู้ตัว

เพราะความเป็นเพื่อนจึงไว้ใจ! ซื้อประกันทั้งบ้านกับเพื่อนสนิทที่คบมามากกว่า 10 ปี โปรไฟล์ดี ขับรถหรู บ้านรวย แต่ใครจะคิด เพื่อนสนิทที่คบมานานจะหลอกโกงเงิน ยักยอกเบี้ยประกัน ไม่ยอมนำส่งทำให้เป็นหนี้บริษัทประกันโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นจึงตามสืบพฤติกรรมของเพื่อน ทำให้รู้อีกว่ามีเหยื่ออีกหลายรายที่โดนยักยอกเบี้ยประกัน และอีกหลายรายที่โดนหลอกในลักษณะอื่นๆ

เรื่องราวน่าตกใจนี้เป็นของ คุณฉัตรชัย พณิชยกุล หรือพี่ปิ๊ง The snack ยูทูบเบอร์ชื่อดัง พี่ปิ๊ง ได้อินบ็อกซ์ ตรงมาหาทีมข่าวอีจัน เล่าถึงพฤติกรรมเพื่อนสนิทชื่อ นายธรรมธัช (สงวนนามสกุล) หรือหนึ่ง เป็นเพื่อนสนิทที่คบมานานเกิน 20 ปี หลังเรียนจบ นายหนึ่งได้เลือกทำอาชีพตัวแทนประกันของประกันชื่อดังแห่งหนึ่ง เหมือนกับพ่อตัวเอง จึงได้ชักชวนให้พี่ปิ๊งมาทำประกันกับตน ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทจึงไว้ใจ และให้คนในครอบครัวทำประกันกับนายหนึ่งด้วยเช่นกัน รวมถึงแนะนำให้คนรู้จักคนอื่นๆ ที่สนใจจะทำประกันให้มาทำประกันกับนายหนึ่งด้วย พี่ปิ๊งทำประกันกับนายหนึ่ง มาตั้งแต่ปี 2556 โดยแบ่งจ่ายเบี้ยประกัน 2 ครั้งต่อปี และจ่ายตรงตลอดไม่เคยขาด แต่เป็นการโอนจ่ายผ่านบัญชีธนาคารของนายหนึ่งโดยตรง ซึ่งนายหนึ่งก็ดูแลอย่างดีมาตลอด ไม่ใช่เเค่กรมธรรม์ประกันชีวิต แต่ยังมีประกันอื่นๆ ของบริษัทอื่น ที่นายหนึ่งบอกว่าเป็นโบรกเกอร์ทำได้ทุกบริษัท ประกันรถยนต์ก็สามารถทำให้ได้ ตัวพี่ปิ๊งเองก็ทำประกันรถยนต์ไปด้วย

พี่ปิ๊งยังเล่าว่า นายหนึ่งนั้นใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ซื้อบ้านหรูอยู่ย่านงามวงค์วาน ขับรถเก๋งยุโรป 2 คัน และล่าสุดก่อนความเเตก ก็ซื้อรถตู้ยุโรป และยังจ้างคนขับรถสำหรับรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน และรับ-ส่งภรรยาไปทำงาน ส่วนภรรยาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูเเลกองทุนธนาคารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท อยู่ที่สำนักงานใหญ่ มีลูก 2 คน เรียนโรงเรียนหรู ย่านพระราม 5 หลักสูตรอินเตอร์

เมื่อประมาณกลางเดือนเมษายน 2564 พี่ปิ๊ง ได้รับโทรศัพท์จาก นายหนึ่ง ในลักษณะที่ว่า มีเคสประกันที่ต้องปิด เเละเป็นเคสที่ถ้าสามารถทำยอดได้จะได้ไปต่างประเทศ แต่เนื่องจากมีโควิดเข้ามาทางบริษัทก็จะให้เป็นเงินรางวัลเเทน แต่ต้องปิดยอดให้ได้และมีลูกค้ารับปากว่าจะทำประกันหลายคนจึงขอยืมเงิน 200,000 บาท มีค่าคอมมิชชั่นให้ 5% ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ได้คืน พร้อมค่าคอมมิชชั่น พี่ปิ๊งก็ใช้เวลาคิดอยู่สักวัน 2 วัน เเต่นายหนึ่งก็เร่งเร้ามาตลอดเพราะอ้างว่าต้องปิดยอดให้ได้ จึงโอนเงินไปรอบเเรก 200,000 บาท ประมาณ 2 สัปดาห์ เขาโอนค่าคอมมิชชั่นมาให้ 5% จริงตามที่บอก ทำให้พี่ปิ๊งเบาใจ แต่นายหนึ่งได้ขอเงินต้น 200,000 บาท นำไปหมุนใช้ปิดเคสต่อไปอีกสัก 1 -2 สัปดาห์ มี 5% อีก ซึ่งพี่ปิ๊งให้เหตุผลว่า ปฏิเสธยากเพราะเงินอยู่ที่นายหนึ่งแล้ว จึงตอบตกลงไป

แต่ผ่านไปไม่กี่วันนายหนึ่งก็ได้กลับมายืมเงินเพิ่มอีก 2 แสน และระหว่างนั้น ก็มีโทรไปหาน้องชายของพี่ปิ๊งอีก 2 คน โดยใช้ข้ออ้างเดียวกันยืมเงินในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน รวมกัน 3 คนพี่น้อง โดนไป 1.5 ล้านบาท แต่นายหนึ่งไม่ได้หนีหายไปไหน ยังโทรหาตลอด อ่านไลน์ คอยอัปเดตสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ทั้ง 3 คนพี่น้องตลอด แต่พอถึงวันที่ต้องคืนเงิน กลับไม่มีคืน ผ่านไป 2 สัปดาห์ พี่ปิ๊งและ น้องชายอีก 2 คน เริ่มเกิดความสงสัย จึงนัดนายหนึ่งมาคุย ครั้งเเรกที่ร้านกาแฟย่านราชพฤกษ์ ด้วยความที่เป็นเพื่อนมานาน พี่ปิ๊งได้ถามนายหนึ่งไปตรงๆว่ามีเหตุผลอะไรถึงยังไม่คืนเงิน เขาก็ปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ได้ลงทุน ไม่ติดพนัน ไม่นอกลู่นอกทาง แค่เก็บเงินลูกค้ามาให้เราไม่ได้เท่านั้น และนายหนึ่งรับปากอย่างดีว่าจะคืนเงินให้เเน่นอน ให้ไว้ใจเขา พี่ปิ๊งยังได้ถามย้ำอีกว่า มีใครที่นายหนึ่งไปยืมเงินมาเหมือนกับทั้ง 3 คนอีกไหม นายหนึ่งก็ยืนยันว่าไม่มี

ต่อมาพี่ปิ๊งต้องยื่นภาษีประจำปี โดยใช้ใบเสร็จจากการส่งเบี้ยประกัน มาเพื่อทำการลดหย่อน โดยปกติพี่ปิ๊งส่งค่าประกัน ปีละ 38,000 บาท แต่แบ่งชำระ ปีละ 2 งวด คือ พ.ค. งวดที่ 1 และ พ.ย. เป็นงวดที่ 2 ดังนั้นใบเสร็จจึงต้องมี 2 ใบ เพื่อทำแบบลดหย่อนภาษี จึงถามนายหนึ่งว่าใบเสร็จหายไปไหนอีก 1 ใบ นายหนึ่ง อ้างว่านำส่งผิดกรมธรรม์ แต่จะรับผิดชอบให้ในส่วนที่ลดหย่อนภาษีไม่ได้ ทำให้พี่ปิ๊งเริ่มสงสัย แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำกันลง จึงโทรไปเช็ก Call Center บริษัทประกัน

จากนั้นความจริงก็ปรากฏ! บริษัทประกันแจ้งว่าพี่ปิ๊งขาดส่งเบี้ยประกัน มาตั้งแต่ปี 2562 แต่บริษัทไม่อยากให้กรมธรรม์ขาด จึงทำให้ตอนนี้พี่ปิ๊งเป็นหนี้บริษัทประกัน เมื่อโทรไปถามนายหนึ่งได้คำตอบว่า สงสัยเลขาโกงเงินไป โดนไปหลายคน เดี๋ยวจัดการให้ไม่ต้องห่วง และไม่มีทีท่าสะทกสะท้าน พี่ปิ๊งจึงให้นายหนึ่งทำสัญญาเงินกู้ที่ยืมไป และให้ไปจัดการเรื่องเบี้ยประกันให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างรอนั้นก็มีคนโทรมาหาบอกว่า โดนหนึ่งมาขอยืมเงินไปหลักเเสน บางคนโทรมาบอกว่าทำประกันรถยนต์ไปแต่ไม่ได้กรมธรรม์ ขับรถมาหลายเดือน เพิ่งรู้ว่าไม่มีประกัน แต่จ่ายเงินให้หนึ่งไปตั้งเเต่วันเเรกที่ทำ พี่ปิ๊งจากตอนแรกเริ่มสงสัย ตอนนี้ตาสว่างทันที

จึงให้น้องชายไปตรวจสอบกรมธรรม์ของคุณเเม่ ก็พบว่า กรมธรรม์ได้รับความเสียหาย ไม่ได้ชำระเบี้ยประกันตั้งเเต่ปี 2562 เช่นกัน ทำให้ตอนนี้นายหนึ่งจากเพื่อนกลายเป็นมิจฉาชีพ ยักยอกเบี้ยประกัน พี่ปิ๊งจึงไปเเจ้งความ ที่ สน.หนองเเขม และโพสต์เล่าเรื่องราวในเฟซบุ๊กส่วนตัว วันต่อมานายหนึ่งก็ลบเฟซบุ๊กทิ้งทันที ทั้งของตัวนายหนึ่งเองและของภรรยาด้วย

ซึ่งหลังจากที่พี่ปิ๊งโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป มีคนเข้ามาคอมเมนต์ และเเชร์เป็นจำนวนมาก บริษัทประกันต้นสังกัดของนายหนึ่งก็ติดต่อมาหาพี่ปิ๊งว่าให้เข้าไปร้องเรียนตามช่องทางที่บริษัทมี จะได้ดำเนินการกับตัวเเทนที่ทุจริตเบี้ยประกันลูกค้าตามระเบียบต่อไป

พี่ปิ๊งจึงได้เข้าร้องเรียนกับบริษัทของนายหนึ่ง หลังการตรวจสอบทำให้นายหนึ่งถูกถอดออกจากการเป็นตัวแทนของบริษัทแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา

แต่ก็ยังมีคน inbox เข้ามาหาพี่ปิ๊งเยอะมากๆ ส่วนมากเป็นผู้เสียหายที่พี่ปิ๊งไม่รู้จัก หลายคนบอกว่าโดนแบบเดียวกันทั้งโดนโกงเบี้ยประกัน โดนยืมเงินไปปิดเคสประกันแบบนี้เยอะมาก เสียหายหลายคน รวมๆก็หลายล้านบาท บางคนโดนชักชวนให้ลงทุน กองทุนไวน์ เป็นกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนปริญญาของนายหนึ่ง ที่โดนไปตั้งเเต่ช่วงปี 2561 แค่กองทุนไวน์มีผู้เสียหายรวมๆ 20 กว่าล้านบาท เรียกได้ว่าตอนนี้ ไม่มีใครที่รู้จักนายหนึ่งแล้วไม่โดนโกง

ทั้งกลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาล ประถม หลายๆเคส รวมๆกันก็หลายล้าน

กลุ่มเพื่อนสมัยมัธยม ม.ต้น ม.ปลาย หลายๆเคส รวมๆกันก็หลายล้าน

กลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี และ ปริญญาโท เคสนี้หนักหน่อย โดนไปหลาย 10 ล้าน

กลุ่มเพื่อนร่วมงานที่เป็นตัวเเทนด้วยกันก็ยังไม่เว้น เสียหายอีกหลักล้าน

กลุ่มลูกค้า ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนสนิท แต่ก็ทำกันได้ หลายๆคน โดนโกงเบี้ยประกันรถ ประกันภัย ประกันต่างๆ ตามที่เขากล่าวอ้าง หยิบยืม ต่างๆนานา ผู้เสียหาย พยายามรวบรวมหลักฐานของเเต่ละคน บางคนมีที่เเจ้งความไปเเล้ว บางคนมีส่งฟ้องศาลไปบ้างเเล้ว บางคนยังไม่รู้จะทำยังไง เพราะนายหนึ่งย้ำเสมอว่า ถ้าเขาตกงานจะไม่มีใครที่ได้เงินคืนเลย บางคนที่อยากได้เงินคืน ก็เลยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รอก็ไม่รู้จะได้เงินคืนไหม พี่ปิ๊งจึงได้สร้างกลุ่มดึงผู้เสียหายเข้ามารวมกัน รวมๆได้ เกือบ 30 คน และพี่ปิ๊งยังได้ข้อมูลมาอีกว่าพ่อของนายหนึ่งที่เคยบอกว่าเป็นต้นแบบ ก็เป็นต้นแบบจริงๆ คือ พ่อของนายหนึ่งก็โดนบริษัทตัดสินความผิด เพราะเอาเบี้ยประกันลูกค้าไปหมุนใช้ เเล้วเขียนเช็คไปวางชำระกับบริษัทจนเช็คเด้ง เลยโดนให้ออกจากตัวเเทนเช่นกันเดียวกัน

สุดท้าย พี่ปิ๊ง บอกว่า ถึงแม้จะถูกจับได้แต่นายหนึ่งยังมีไปเสนอขายประกันอยู่ ยังทำตัวเหมือนปกติ เพราะเอาชื่อแม่เขาไปสมัครกับอีกบริษัท และเอารหัสตัวเเทนของเเม่ตัวเองไปขาย เรียกได้ว่ายังไม่ทีท่าว่าจะสำนึก พี่ปิ๊งจึงอยากแชร์เรื่องราวนี้กับสังคม ให้นายหนึ่งถูกดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด