กองปราบ จับหนุ่ม ตุ๋นเหยื่อร่วม ธุรกิจทัวร์ – รถเช่า ก่อนเชิดเงินเสียหายหลักล้าน

กองปราบ นำกำลังบุกจับ หนุ่มวัย 32 ปี ตุ๋นเหยื่อร่วม ธุรกิจทัวร์ – รถเช่า ก่อนเชิดเงินเสียหายหลักล้าน ลากประวัติพบ หมายจับ ยาวเป็นหางว่าว

9 ธันวาคม 2563 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าจับกุม นายวีรยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านขายของชำ ใกล้กับสี่แยกราหุล หมู่ 4 ถนนหนองบัวชัยภูมิ ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

ภาพจากอีจัน


การจับกุม สืบเนื่องจาก ประมาณเดือนมิถุนายน 2563 นายวีรยศ ได้เปิดบัญชีเฟซบุ๊กและตั้งกลุ่มไลน์ ชื่อ “เทวดาพาทัวร์” โพสต์ข้อความเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมทำ ธุรกิจทัวร์ โดยแจ้งว่าจะมีงานวิ่งรถรับจ้าง รับลูกค้าจำนวนมาก หากใครสนใจให้โอนเงินค่ามัดจำงานละ 1,500

หลังจากเสร็จงาน ผู้ต้องหาจะโอนค่าจ้างและเงินค่ามัดจำคืนให้ โดยในช่วงแรกผู้ต้องหาจะสร้างตัวละครเป็นลูกค้าของบริษัททัวร์ ให้ผู้เสียหายไปรับลูกค้าจากจุดหนึ่งไปส่งอีกจุดหนึ่ง เพื่อสร้างเครดิตให้กับผู้ต้องหาว่ามีลูกค้าจริง จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก โอนเงินค่ามัดจำงานวันละ 5-10 งาน/คน หรือประมาณ 7,500-25,000 บาท/คน แต่ปรากฏภายหลังว่าไม่มีงานตามที่แจ้ง กลุ่มผู้เสียหายจึงได้ทวงเงินค่ามัดจำคืนกับทางผู้ต้องหา แต่ถูกผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมจ่ายคืน

ภาพจากอีจัน


ต่อมา นายวีรยศ ผู้ต้องหา ได้ออกอุบายใหม่ โดยใช้เฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์ดังกล่าว โพสต์เชิญชวนบุคคลทั่วไปให้เข้าร่วมธุรกิจ รถเช่า โดยให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์ของตนเองมาให้ นายวีรยศ เช่า และนายวีรยศ จะนำไปปล่อยให้ลูกค้าเช่าต่ออีกทอดหนึ่ง โดยตกลงจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนแรก ผู้ต้องหาจะจ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้เสียหายตรงตามเวลาที่กำหนด แต่ในระยะหลังจะจ่ายช้าและบ่ายเบี่ยง เมื่อผู้เสียหายทวงถาม ผู้ต้องหาก็ปิดเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์ดังกล่าว หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปประกาศขายเป็นรถยนต์มือสองตามเว็บไซต์ต่างๆ มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากการสืบสวน ยังพบว่า นายวีรยศ ยังมีพฤติการณ์ให้บุคคลอื่น นำรถยนต์ของผู้เสียหายที่หลอกลวงมาได้นั้น ไปขายต่อในราคา 50,000-300,000 บาท โดยก่อนที่จะขายนั้น ผู้ต้องหาจะนำรถยนต์ไปติดเครื่องติดตามตัว (GPS) จากนั้นเมื่อผู้ซื้อรับรถไป ผู้ต้องหาจะตามไปที่รถยนต์คันดังกล่าว แล้วจะแอบอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือทหาร มายึดรถยนต์คืนจากผู้ซื้อ โดยอ้างว่าเป็นรถยนต์หลุดจำนำ หรือเป็นรถยนต์หนีไฟแนนซ์ พร้อมกับเรียกรับเงินจำนวนหลายแสนบาท เป็นค่าดำเนินการเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีในการซื้อรถยนต์ผิดกฎหมาย

ภาพจากอีจัน
จากการตรวจสอบ ยังพบด้วยว่า นายวีรยศ ยังหลบหนีหมายจับอีกจำนวน 8 หมายจับ กระทั่งวันที่ 9 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สืบทราบว่า ผู้ต้องหาจะไปยึดรถคืนจากผู้ซื้อรถที่บริเวณหมู่ 4 ถนนหนองบัวชัยภูมิ ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา