สาว ร้องเรียนอีจัน มิจฉาชีพ หลอกโอนเงิน เพื่อทำงาน สูญเงินเกือบ 2 แสน

เหยื่อแก๊งหลอกโอนเงิน ร้องเรียนอีจัน ถูก มิจฉาชีพ หลอกโอนเงิน เพื่อ ทำงาน สูญเงินเกือบ 2 แสน

เคสเหยื่อแก๊งหลอกโอนเงิน ยังมีออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ และนับวัน วิธีการหลอกลวงจะยิ่งซับซ้อน และแนบเนียนมากขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกับเคสร้องเรียนเคสนี้

อีจันได้รับเรื่องร้องเรียนเคสของผู้หญิงคนหนึ่ง สมมุติชื่อว่า คุณ ม. ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านสมุทรปราการ ที่ผ่านมาก็ทำงานปกติ จนวันหนึ่ง เธอคิดจะหารายได้เสริมด้วยการรับจ้างลงเสียง หลังจากได้เห็นโฆษณาในเฟซบุ๊ก ของบริษัทแห่งหนึ่ง จึงติดต่อไปที่เพจเพื่อสอบถามรายละเอียดการสมัครงาน ทางเพจก็ตอบกลับมาว่า ให้แอดไลน์ไปหาผู้จัดการคนหนึ่งของเพื่อเริ่มขั้นตอนการสมัครงาน

การสมัครงานผ่านไปได้อย่างง่ายดายขั้นตอนไม่ยุ่งยาก จากนั้นก็ถูกดึงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์กลุ่มหนึ่ง ที่มีคนซึ่งรับจ้างงานกับบริษัทนี้จำนวนมากอยู่ในนั้น การทำงานเริ่มต้นขึ้น ด้วยวิธีการสุดแปลง เริ่มจากคุณม. จะต้องโอนเงินไปให้กับบริษัท จำนวน ราวๆ 300 บาท ทางพนักงานบริษัทบอกว่า เป็นค่าลิขสิทธิ์สินค้า ก่อนจะส่งผลิตภัณฑ์พร้อมกับสคริปต์ที่จะให้ลงเสียงมา เมื่ออัดเสียงส่งกลับไปแล้ว ก็จะได้รับเงินที่โอนไปตอนแรกคืน บวกค่าคอมมิชชั่นมาอีก 15% ครั้งแรกๆก็ได้เงินตามกระบวนการตามปกติ เพราะเป็นยอดหลักร้อย ไล่มาถึงหลังพันกลางๆ ก่อนจะมาถึงจุดพีค ตอนที่ยอดโอนค่าลิขสิทธิ์ แตะหลักหมื่น!

คุณ ม. เล่าว่า ทางบริษัทบอกว่า งานที่จะให้ทำแบ่งเป็น 4 กิจกรรม จะต้องไล่ทำไปทีละขั้นตอน ผ่าน 1 ไปต่อที่ 2 ไป 3 ไป 4 ซึ่งคุณ ม. ทำกิจกรรมที่ 1-3 ผ่านไปอย่างง่ายดาย ยอดเงินที่โอนยังอยู่ในหลักร้อย หลักพัน จนมาถึงกิจกรรมที่ 4 ยอดเริ่มขึ้นไปที่หลักหมื่น ซึ่งการทำงานก็เริ่มติดขัด เริ่มจากทางบริษัทแจ้งว่า คุณ ม. ต้องโอนเงินไปให้ใหม่ เพราะยอดที่โอนมา 11,100 บาท จะต้องแบ่งเป็น 2 ยอด ไม่ใช่ยอดเดียว และหากคุณม.โอนเงินไปใหม่แล้วทำกิจกรรมจบ จะได้รับเงินคืนทั้งหมดที่โอนไป คุณ ม. หลงเชื่อเพราะอยากได้เงินคืน รวมทั้งความเชื่อใจที่ก่อนหน้านี้ ได้เงินคืนมาตลอด จึงโอนเงินยอด 11,100 บาทไปอีก โดยแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 5,550 บาท เพื่อทำกิจกรรมที่ 4 นี้ให้จบ ก่อนจะได้รับแจ้งว่า กิจกรรมที่ 4 มีสินค้าที่จะต้องยืนยันก่อน จึงจะรับเงินคืนได้ โดยจะต้องโอนเงินไปเป็นจำนวนถึง 59,920 บาท เพื่อยืนยันออร์เดอร์ ซึ่งด้วยความอยากได้เงินคืน เพราะเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ก็หลงเชื่อโอนเงินไป แต่กลับได้รับคำตอบว่า ยืนยันออร์เดอร์ผิด ต้องไปทำกิจกรรมพิเศา ที่เปิดขึ้นเพื่อให้คุณ ม. แก้ตัว และเมื่อจบกิจกรรมนี้แล้ว ก็จะได้รับเงินทั้งหมดคืน

โดยกิจกรรมนี้ต้องโอนถึง 139,000 บาท ซึ่งคุณ ม.เองก็ไม่มีเงินแล้ว แต่ก็ได้ลองหาเงินจากหลายๆช่องทาง รวมถึงการทักไปคุยกับคนในกลุ่มทำงาน ที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าม้า ซึ่งหน้าม้าคนนี้ก็เสนอตัวช่วยเหลือ โดยจะโอนเงินช่วย 50,000 บาทไปยังบัญชีของบริษัท ให้คุณ ม. หาเงินส่วนที่เหลือมา ซึ่ง คุณ ม. ก็ไปหายืมมาจนได้ ทั้งจากน้องสาวและแฟนตัวเองซึ่งเป็นชาวจีน และเอามาจ่ายให้กับบริษัท ในยอด 89,000 บาท เพื่อหวังจะได้เงินที่โอนไปทั้งหมดคืน แต่ก็ยังไม่ได้ ทางบริษัทบอกว่า ออร์เดอร์ที่ยืนยันไป ยังผิดอยู่ จะต้องโอนเงินอีก 139,000 บาท เพื่อจบกิจกรรม ทำให้เริ่มเอะใจว่า ตัวเองถูกหลอกแน่นอนแล้ว

ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 2 วัน คือตั้งแต่เริ่มทำงานนี้ วันที่ 27 ส.ค. จนกระทั่งเข้าแจ้งความ คือช่วง 20.00 น. ของวันที่ 28 ส.ค.

โดยคุณ ม. โทรไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชี ซึ่งจะต้องรอเลขเคสประมาณ 1-2 ชม. ก่อนจะสามารถเอาเลขเคสนี้ ไปแจ้งความกับทาง สน. ได้ หลังจากแจ้งความ ในคืนวันที่ 28 ส.ค. คุณ ม. ต้องนำเอกสารการแจ้งความ ไปที่ ธนาคาร เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก่อนจะทราบว่า เอกสารจาก สน. ไม่ได้ลงวันที่ ทำให้ต้องกลับมาที่ สน. อีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ คุณ ม. ได้รับคำแนะนำจาก สารวัตรสอบสวน ให้ไปที่ สอท. เพราะรับผิดชอบโดยตรง เมื่อไปที่ สอท. ก็ได้ทราบว่า ทาง สน.เจ้าของพื้นที่ ต้องเป็นคนเปิดเคส และประสานให้ สอท. ดำเนินการ จนถึงตอนนี้ คุณ ม. ยังมองไม่เห็นอนาคต ว่าจะทำอย่างไร ทั้งเงินเก็บ เงินยืม หายไปกับตา เสียงาน เสียสุขภาพจิต ก็หวังว่า จะได้เห็นการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และติดตามเงินของตนมาคืนให้ได้

อีจันขอเป็นกำลังใจให้กับ คุณ ม. ด้วยนะครับ ขอให้กระบวนการสืบหาคนทำผิด เดินหน้าไปได้เร็วกว่านี้นะครับ