ตร.ภ.5 ทลาย สถานีทวนสัญญาณ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางเมือง เตรียมขยายผลต่อ

ทลายอีกแก๊ง กลางเมือง เชียงใหม่ หลัง ตร.ภ. 5 บุกจับ สถานีทวนสัญญาณ ของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางหมู่บ้านหรู รวบ 2 ผู้ต้องหา รับจ้างวางเครื่อง รับเงินคนละแสนต่อเดือน เตรียมขยายผล ถึง นายทุนมาเลเซีย

ตำรวจภาค 5 บุกจับสถานีทวนสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางหมู่บ้านหรู สองผู้ต้องหารับจ้างวางเครื่องคนละแสนต่อเดือน สั่งขยายผลถึงนายทุนมาเลเซีย

ช่วงสายวันนี้ (2 มิ.ย. 66) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังชุดสืบสวนอาชญากรรทางเทคโนโลยีภูธรภาค 5 และ สืบสวนภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู ต. สันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หลังจากแกะรอยจนทราบว่า ที่บ้านหลังนี้ถูกใช้เป็นสถานีทวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน จนทำให้มีผู้สูญเงินไปเป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าตรวจค้น บ้านหลังดังกล่าว พบเครื่อง “ซิมบ็อกซ์” ที่ใช้สำหรับทวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง สมุดบัญชีม้าหลายธนาคารรวม 82 บัญชี โทรศัพท์มือถือ 31 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คพร้อมกับข้อมูลบัญชีธนาคารในคอมพิวเตอร์อีกกว่า 200 บัญชี เบื้องต้นพบมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายอลงกรณ์ อายุ 27 ปี และ นางสาววาสนา อายุ 23 ปี  ซึ่งเป็นผู้ที่เช่าบ้านและเป็นผู้ดูแลอุปกรณ์ทั้งหมดภายในบ้าน

ผู้ต้องหาทั้งสองสารภาพว่า เช่าบ้านหลังดังกล่าวเดือนละ 16,000 บาท เพื่อรับจ้างวางเครื่องซิมบ็อกซ์ จัดหาบัญชีม้า และ ดูแลระบบ ได้ค่าจ้างคนละ 100,000 บาทต่อเดือน และยังได้ค่าคอมมิชชั่นจากการจากหาบัญชีม้าบัญชีละ  4,500 บาท

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับร้องเรียนจากประชาชนหลายรายว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นตำรวจ สรรพากร และ เจ้าหน้าจากธนาคาร โทรศัพท์ข่มขู่เพื่อให้โอนเงิน เจ้าหน้าที่จึงได้แกะรอยค้นหาต้นตอสัญญาณโทรศัพท์ จากหมายเลขที่โทรเข้าไป พบว่ามีการส่งสัญญาณออกจากหมู่บ้านหรูดังกล่าว จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม ก่อนจะขอหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ตรวจค้น และทำให้พบของกลางทั้งหมด

สำหรับเครื่องซิมบ็อกซ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณ ลักษณะการทำงานจะมีแก๊งคอลเซนเตอร์โทรศัพท์มาจากเพื่อนบ้าน โดยสัญญาณเสียงการโทร จะถูกส่งเข้ามาที่เครื่องซิมบ็อกซ์ก่อนจะถูก ทวนสัญญาณออกไปเพื่อขึ้นหมายเลขเป็นการโทรภายในประเทศเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ  โดยหนึ่งเครื่องสามารถกระจายสัญญาณโทรศัพท์ได้มากถึง  150 คู่สาย โดยเครื่องซิมบ็อกซ์ทั้งหมดพบว่า มีการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยอำพรางเป็นเครื่องขยายเสียง

สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองจะถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.โทรคมนาคม  , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ เป็นธุระจัดหาบัญชีม้า ขณะเดียวกันจะได้ประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ นครปฐม และกรุงเทพ เพื่อขยายผลจับกุมกลุ่มนายทุน ซึ่งทราบแล้วว่าเป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนและเครือข่ายที่รวมขบวนการ เพื่อมาดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย ส่วนเงินที่ยังอยู่ในบัญชีม้า เบื้องต้นได้สั่งการให้อายัดบัญชีทั้งหมด เพื่อส่งคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

คลิปอีจันแนะนำ
อีจันสรุปข่าว (1 มิ.ย.66) 4 ประเด็นจัดเต็มปราบ ส่วยสติ๊กเกอร์