
จากกรณี นายหมัดดล บินสัน อายุ 40 ปี ถูกฆาตกรรมใช้เถาวัลย์มัดมือมัดเท้า ทุบหัว ฝังดินไว้ในป่าเมื่อวานนี้ ที่ จ.สงขลา
ต่อมาตำรวจ สภ.ทุ่งลุง จับ19ชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยคดีดังกล่าวเพราะขับรถฝ่าด่านตำรวจชนต้นไม้
ล่าสุดช่วงบ่ายของวันนี้ (2 มิ.ย.65) ชาวบ้านหมู่11 บ้านคลองปอม ต.บ้านพรุม ได้ออกลาดตระเวน พบชายชาวเมียนมา 1 คน ออกจากป่ามาหาน้ำกินจึงจับตัวไว้ และได้ยินเสียงคนกลุ่มใหญ่ออกมาจากป่า
เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาราว 40 คน ทั้งหญิง และชายซ่อนตัวอยู่ในป่า ห่างจากจุดเกิดเหตุที่มีการ ฆ่าฝังดิน ประมาณ 6 กิโลเมตร คาดว่านายหน้า และผู้นำพาไม่สามารถไปรับตัวออกมาได้จึงทิ้งไว้กลางป่า เพราะชาวเมียนมาที่ถูกพบอยู่ในสภาพที่หิวโซ
จึงได้แจ้งตำรวจให้เข้าจับ ซึ่งตำรวจจะนำตัวไปสอบสวนที่มาที่ไป และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าฝังดินด้วยหรือไม่ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบเป็นชาวเมียนมา 40 คน เป็นกลุ่มเดียวกับที่ถูกจับได้ 19 คน เมื่อคืนนี้
นาวินัย ตนยะแหล กำนันตำบลบ้านพรุ เปิดเผยว่า ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดผวา เพราะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกรีดยาง และเชื่อว่ากลุ่มคนก่อเหตุไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคนในพื้นที่
ส่วนเรื่อคดีตามที่ตำรวจคาดการณ์ ว่าเป็นฝีมือของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ชาวบ้านก็เชื่อว่าน่าจะเป็นแบบนั้น เพราะคนตายไม่มีเรื่องขัดแย้งกับใครช่วยงานบุญงานบ้านตลอด
นางญา อายุ 64 ปี แม่ของผู้ตายบอกว่า เสียใจที่ลูกชายมาจบชีวิตแบบนี้ เจอลูกชายครั้งสุดท้ายบอกว่าจะออกไปหาผักหาปลาเหมือนปกติทุกวัน ขอให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีเรื่องกับใคร
ในวันนี้ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง ได้ประสานนักประดาน้ำของมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี(ท่งเซียเซี่ยงตึ้ง)หาดใหญ่ ไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในสระน้ำที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งไว้ เช่น โทรศัพท์มือถือหายไปและหลักฐานอื่นที่อาจจะมีการโยนทิ้งลงไปในสระน้ำด้วย
จากการสอบสวนพยานแวดล้อม เผยว่า ในวันเกิดเหตุพบชาวเมียนมาจำนวน 7 คน อยู่ในป่าบริเวณจุดที่ถูกฆ่าฝังดินด้วย ยิ่งทำให้ประเด็นที่พุ่งเป้าไปยันแรงงานหลบหนีเข้าเมืองมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
คดีจะจบลงอย่างไรติดตามต่อได้ที่เพจอีจันนะคะ