วันนี้ (8 พ.ค.63) กองบังคับการปราบปราม นำโดย พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยินและพวก ก่อเหตุอุ้มฆ่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เกือบ 300 ล้านบาท เพื่อข่มขู่ให้ น.ส.พนิดา ตัดสินยกฟ้องคดีโอนหุ้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา
- กล้องวงจรปิดมัดตัว "บรรยิน" ปลอมตัว ดักอุ้มพี่ชายผู้พิพากษา ?
- ฝากขัง "บรรยิน" พร้อมพวก คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ คดีบรรยิน อุ้มฆ่าเผาพี่ชายผู้พิพากษา
- เปิดพฤติการณ์ บรรยินกับพวก อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
โดยมี 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพกับตำรวจว่าได้ฆ่าและเผาอำพรางพี่ชายผู้พิพากษาไปแล้ว พร้อมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้จุดที่เผาศพนายวีรชัย และชี้จุดนำชิ้นส่วนศพ เศษวัสดุ และเถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาไปทิ้ง
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก ในความผิดฐาน
2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย
3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังถึงแก่ความตาย
4.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป
5.เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป
6.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
7.ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
8.ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป โดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี
9.ร่วมกันแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยที่ตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น
และ พ.ต.ท.บรรยิน ยังถูกกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดฐาน สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมาย ของเจ้าพนักงาน เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิแต่งเครื่องแบบตำรวจ โดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำความผิดอาญาอีกข้อหาหนึ่ง