บุรีรัมย์ฉาวอีกแล้ว! แม่ร้องสื่อลูกสาวถูกครูพละล่อลวงไปขืนใจ

แม่ชาวบุรีรัมย์ร้องสื่อ! ลูกสาววัย 12 ปี ถูกครูพละล่อลวงไปกระทำชำเรา ทั้งยังซื้อยาคุมฉุกเฉินให้กิน แจ้งความดำเนินคดีแล้วแต่ครูได้ประกันตัว ซ้ำโรงเรียนมาเจรจาขอให้จบเรื่องอ้างโรงเรียนเสียชื่อเสียง วอนหน่วยงานให้ความเป็นธรรมด้วย

มีมาอีกแล้ว ครูพละขืนใจนักเรียน โรงเรียนควรเป็นที่ที่ปลอดภัยแห่งที่สอง รองลงมาจากบ้าน แต่ทำไมเด็กๆ กลับถูกกระทำจากสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียน…
วันนี้(20 ก.ค. 63) น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ผู้ปกครองนักเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนกับทีมข่าวอีจัน ว่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้น ป.6 ถูกครูสอนพละในโรงเรียน ล่อลวงไปกระทำชำเราภายในโรงเรียน

โดย น.ส.เอ ผู้เป็นแม่ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา สังเกตเห็นลูกสาวมีอาการผิดปกติ ปวดท้องน้อย ไม่กินข้าวไม่พูดกับใคร จึงได้หายาให้กิน ระหว่างที่ลูกนอนซมอยู่นั้น ตนก็ไปดูโทรศัพท์ของลูกถึงกับตกใจ เพราะมีข้อความของครูคนหนึ่ง อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นครูสอนพละและสุขศึกษาที่โรงเรียน แชทมาคุยกับลูกสาวว่า "อย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อไปให้ และอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด เพราะครูจะต้องโดนไล่ออก ถ้าไปบอกใครครูจะฆ่า” นอกจากนี้ยังมีอีกหลายข้อความที่ครูแชทมมาคุยกับลูกสาว ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับรับไม่ได้

หลังจากทราบเรื่องราวแล้ว วันที่ 26 มิ.ย. 63 จึงได้พาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.นางรอง จากนั้นพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปพบ เพื่อสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งตอนนั้นครูก็ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำชำเราลูกสาวจริง และได้มากราบขอโทษตนเอง ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาครู “กระทำชำเราบุคคลอายุไม่เกิน 13 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรืไม่ก็ตาม และเด็กนั้นเป็นลูกศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล” แล้วก็ทำเรื่องส่งฝากขังศาลจังหวัดนางรองตามขั้นตอน แต่จากข้อมูลทราบว่าครูคนดังกล่าวถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่เข้าไปได้ประมาณ 3 วันเท่านั้น

ซึ่งหลังจากเป็นคดีก็ได้มีครูในโรงเรียน 2-3 คน มาพูดคุยที่บ้านเพื่อขอเจรจาให้ยุติเรื่องราวทั้งหมด อ้างจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโรงเรียน แต่แม่ไม่ยอมยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด ซึ่งแม่รุ้สึกว่าการที่ครูมาขอให้ยุติเรื่องนั้นคล้ายถูกข่มขู่ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังจากที่ทราบว่าครูคนดังกล่าวได้รับการประกันตัวออกมา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย และยังได้ขอย้ายลูกสาวออกจากโรงเรียนไปเรียนที่อื่น เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและสภาพจิตใจของลูกสาว