ปิดคดีแอมไซยาไนด์ เดอะริปเปอร์เมืองไทย ฆาตกรรมต่อเนื่อง 8 ปี

บิ๊กโจ๊กตั้งโต๊ะแถลง ปิดคดี เดอะริปเปอร์เมืองไทย แอมไซยาไนด์ ฆาตกรรมต่อเนื่อง 8 ปี

จากกรณีที่มี หญิงสาว เสียชีวิตปริศนาที่ ท่าน้ำบ้านโป่ง และได้มีการตรวจสอบสาเหตุ สู่ ฆาตกรรมต่อเนื่อง จนมีการไล่เรียงไทม์ไลน์จากปี 2558 – เดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา มีเหยื่อทั้งหมด 15 ราย และเสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย

วันนี้ 30 มิ.ย.66 ทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ทำการแถลง ปิดคดีแอมไซยาไนด์ รวมทั้งหมด 15 คดี ซึ่งคดีนี้ผู้ตกเป็นเหยื่อมีทั้งหมด 15 ราย เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย

โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกับแอม ไซยาไนด์ ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์

สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วยตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด พยานแวดล้อมและพยานใกล้ชิดผู้เสียชีวิต และพยานที่ใกล้ชิดกับนางสรารัตน์ เองพร้อมสอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตร รวมกว่า 900 ปาก ยังมีเอกสารเกี่ยวกับคดีถึง 26,500 แผ่น ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า 3 เดือน ถือเป็นคดีที่ระดมชุดสืบสวนสอบสวนมากที่สุดในประเทศไทยจนสามารถสรุปสำนวนดำเนินคดีนางสรารัตน์ รวม 15 คดี ประกอบด้วย ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ,ชิงทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมกว่า 75 ข้อหา

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังสรุปสำนวนดำเนินคดีกับบุคคลใกล้ชิดนางสรารัตน์ อีก 2 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐานได้แก่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีแอมคนล่าสุด และ น.ส.ธันย์นิชา ทนายความส่วนตัวของนางสรารัตน์ ดำเนินคดีฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด

ทางด้านรอง ผบ.ตร. ได้กล่าวว่า ศพแรกคือ น.ส.มณฑาทิพย์ เสียชีวิตวันที่ 7 ก.ค. 58 ในคอนโดฯ ย่านทองหล่อ

ศพที่ 2 คือ น.ส.นิตยา เสียชีวิต 23 ส.ค. 53 ในห้องพักที่จังหวัดนครปฐม ศพที่ 3 น.ส.สาวิตรี เสียชีวิตวันที่ 25 พ.ย. 63 ในจังหวัดมุกดาหาร ศพที่ 4 น.ส.ดาริณี เสียชีวิตวันที่ 13 ธ.ค. 63 ในบ้านพักพื้นที่อ. สามพราน จ.นครปฐม ศพที่ 5 นายสุรัตน์ เสียชีวิตวันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพัก ในจ.กาญจนบุรี รายที่ 6 คือ ร.ต.อ.หญิง กานดา เสียชีวิตวันที่ 9 ส.ค.65 เสียชีวิตในรถยนต์ตัวเองในพื้นที่ จ.นครปฐม

ผู้เสียชีวิตรายที่ 7 คือ น.ส.รสจรินทร์ เสียชีวิต 10ส.ค.65 ที่แผงขายผัก จ.สมุทรสาคร รายที่8 นางจันทร์รัตน์ เสียชีวิต 15 ส.ค. 65 ในบ้านพัก จ.เพชรบุรี รายที่ 9 นางมณีรัตน์ เสียชีวิตวันที่ 10 ก.ย.65 ที่ตลาดนครปฐม รายที่ 10 น.ส.กะณิกา เสียชีวิต 12 ก.ย.65 ที่ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน จ.ราชบุรี

ในส่วนของรายที่ 11 คือ น.ส.กานติมา มีอาการเจ็บป่วยในวันที่ 23 ก.ย. 65 ที่บริเวรหน้าร้านหมูกระทะ หลังนางสรารัตน์ ให้กินยาแคปซูลอ้างเป็นยาแก้ไอ แต่ท้ายสุดรอดชีวิตเนื่องจากแพทย์ให้การช่วยเหลือได้ทัน

รายที่ 12 น.ส.ผุสดี เสียชีวิต 20 พ.ย. 65 ใน จ.นครปฐม และรายที่ 13 นายสุทธิศักดิ์ ซึ่งเป็นอดีตสามีนางสรารัตน์ หลังหย่าร้างกับรองอ๊อฟ เสียชีวิตวันที่ 12 มี.ค. 66 ใน จ.อุดรธานี รายที่ 14 พ.ต.ต.หญิง นิภา เสียชีวิตวันที่ 1 เมษยายน 66 จ.นครปฐม

และรายสุดท้าย น.ส.ศิริพร หรือก้อย เสียชีวิตวันที่ 14 เม.ย. 66 ที่ท่าน้ำ ศาลาประชาคมบ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ในส่วนของกรณีการแท้งลูกของแอม หรือครรภ์เป็นพิษนั้นทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ ในส่วนรายละเอียดว่าทำไมถึงแท้งต้องสอบถามกับทางกรมราชทัณฑ์ และแพทย์ที่ทำการตรวจสอบ เพราะส่วนนี้จะไม่ได้อยู่ในการดูแลของตำรวจ และในการเข้าไปสอบปากคำทุกครั้งทางตำรวจได้ประสานกับทางอธิบดีของกรมราชทัณฑ์ทุกครั้ง และไม่ได้มีปัญหาอะไร

และ ในเงื่อนไขที่ผู้ต้องขังตั้งครรภ์ระหว่างการรับโทษ ยึดหลักสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายหญิงใดต้องโทษประหารชีวิต ถ้ามีครรภ์อยู่ และแอมแท้งลูกแล้วจึงไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขนี้

และยืนยังที่แอมแท้ง ไม่เกี่ยวกับการที่ถูกสอบปากคำแน่นอนและทุกการสอบปากคำ ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจของทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพราะถ้าเห็นว่าอยู่ในอาการที่ไม่พร้อมจะไม่มีการสอบปากคำโดยเฉพาะ ผู้ต้องหาที่กำลังตั้งครรภ์

และระหว่างที่แอมถูกสอบปากคำ สดชื่นดี ไม่มีความผิดปกติใดๆ

และในส่วนของอาการทางจิตของแอม จากการตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีอาการทางจิต ปกติทุกอย่าง เป็นคนธรรมดารับรู้ถึงการกระทำทุกอย่าง มีการวางแผนเตรียมทุกอย่างในการฆ่า

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี โดยวางยาพิษให้เหยื่อกินจนเสียชีวิตในลักษณะเหมือนการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อให้ญาติไม่มีข้อสงสัย ก่อนหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ หรือล้างหนี้ที่เคยยืมกันมา โดยคดีนี้ได้กำชับตำรวจให้รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความละเอียดรอบคอบและแสวงหาหลักฐานให้ได้มากที่สุด เนื่องจากคดีผ่านมาหลายปี อาจมีความยากลำบากในการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่จนสามารถสั่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้