วันนี้ (22 เม.ย.66) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา น.ส.ณัฐจารีฯ อายุ 42 ปี เเละ นายธนะชัยฯ อายุ 43 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินและคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” โดยจับกุมได้ที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566
การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียหายหลายรายเข้าร้องเรียนผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ว่า มีกลุ่มบุคคลใช้เฟซบุ๊กในการโฆษณาปล่อยเงินกู้ และโฆษณาชักชวนให้ร่วมลงทุนผ่อนทองคำและสินค้าแบรนด์เนม โดยมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หากลูกหนี้รายใดผิดนัด หรือค้างชำระหนี้ กลุ่มเจ้าหนี้จะมีการโพสต์ประจานผ่านโซเชียลมีเดีย ในลักษณะด่าทอ ข่มขู่ และใช้ข้อความหยาบคาย ทำให้ลูกหนี้หลายรายได้รับความอับอาย และเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายต่อชีวิตได้
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.5 บกปอศ. จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้กระทำผิดดังกล่าว คือ น.ส.ณัฐจารีฯ ซึ่งจะใช้เฟซบุ๊กของตนเองโฆษณาปล่อยเงินกู้และชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุนผ่อนทองคำและสินค้าแบรนด์เนม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายค้นบ้านพักของผู้ต้องหา ในวันที่ 21 เมษายน 2566 เจ้าหน้าตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ณัฐจารีฯ ที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
จากการตรวจค้นพบ น.ส.ณัฐจารี อาศัยอยู่ภายในบ้านพัก พร้อมกับนายธนะชัย (สามีของ น.ส.ณัฐจารี) โดยทั้งสองยอมรับว่า ได้ร่วมกันปล่อยเงินกู้และชักชวนลงทุนผ่อนทองคำและสินค้าแบรนด์เนมจริง เเละอ้างว่าตนเองไม่ทราบว่าเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
หลังจากนั้น ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด ได้แก่ เอกสารสัญญาการกู้ยืมเงิน จำนวน 188 ฉบับ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง และแท็ปแล็ต จำนวน 1 เครื่อง หลังจากนั้น ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย มีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการโฆษณาปล่อยเงินกู้และโฆษณาให้ร่วมลงทุน จึงทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยจากการสืบสวนพบว่ามีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 304 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังพบว่าในคดีนี้มีเงินหมุนเวียนสูงกว่า 10 ล้านบาท”
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการกู้ยืมเงินผ่านทางออนไลน์ โดยก่อนจะทำสัญญากู้ยืมเงินกับเเหล่งกู้เงินออนไลน์ใดๆ ขอให้ท่านตรวจสอบรายชื่อแหล่งเงินกู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายผ่านทางเว็ปไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือติดต่อสอบถามไปยังสถาบันการเงินโดยตรง
