เหยื่อข่มขืน ขอศาลประหารชีวิตเเทน คดีสิ้นสุด จำคุกคนเหี้ยมเเค่ 3 ปี

เสียงจากเหยื่อข่มขืน คดีสิ้นสุด ไม่มีเเม้สิทธิ์อุทธรณ์ ขอศาลเมตตา ประหารชีวิตเเทน เพราะชีวิตที่เหลือ เหมือนตายทั้งเป็น

“ขอศาลเมตตา ประหารหนูเเทนเถอะค่ะ

หนูมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกเเล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่…เหมือนตายทั้งเป็น”

เธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ฝันไกล วางเเผนชีวิตไว้เเละได้ทำอาชีพตามฝัน …เเต่โลกของเธอ กลับมาถึงจุดมืด เพราะ ความหื่นกามของใครบางคน

เธอ รวบรวมความกล้า เเละ สติ เล่าเหตุการณ์ให้เราฟังค่ะ

เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2565 วันนั้น เธอ ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน เธอยอมรับว่ามีอาการมึนเมา เมื่อเลิกสังสรรค์ เพื่อนๆได้เรียกเเท็กซี่ผ่านเเอพพลิเคชั่น เพื่อส่งเธอกลับคอนโด เมื่อรถมาถึง เพื่อนก็ส่งเธอขึ้นรถ พร้อมถ่ายคลิปรถเเท็กซี่เเละป้ายทะเบียน เเล้วเเชร์โลเคชั่นให้เเฟนของเธอ เพื่อความปลอดภัย

ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับ

เธออาเจียนไป 2 รอบ เเท็กซี่เเนะนำให้เธอมานั่งเบาะหน้า จะได้มองเห็นวิว ไม่เวียนหัว เธอจึงมานั่งด้านหน้า เธอบอกกับเราว่า สติตอนนั้นเริ่มกลับมาเเล้ว จึงรู้ว่าเเท็กซี่ขับผ่านคอนโดของเธอไป เธอเห็นเเล้วว่าไม่ใช่ทางกลับ จึงถามเเท็กซี่เเละบอกให้กลับรถเดี๋ยวนี้

เเต่เเท็กกลับขับรถไปจอดที่ลานกว้างๆเเห่งหนึ่ง

มีรถบัสคันใหญ่ 2 คัน จอดอยู่ขนาบทั้ง 2 ข้าง

นาทีหลังจากนั้น เธอถูกเเท็กซี่ข่มขืน กระทำชำเราค่ะ เขาพรากศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงของเธอไป ทั้งๆที่เธอไม่ได้ยินยอม เธอพยายามดิ้นรน โทรหาเเฟน เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อเเท็กซี่ได้ยินเสียงของเเฟนเธอดังออกมาจากโทรศัพท์ ตัวเขาเอง ก็รีบเปิดประตูเเล้วไล่เธอลงจากรถทันที ก่อนขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

เธอพาตัวเองออกจากจุดนั้นด้วยพลัง เเละ สติที่มีทั้งหมด

จนกระทั่งเเฟนขับรถมาถึง เเละ รับเธอไปโรงพยาบาลตำรวจ

ภายใน 1 ชั่วโมง เธอได้รับการตรวจร่างกายอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะตรวจเสื้อผ้า เก็บดีเอ็นเอ เเละ หมอให้เธอกินยาคุมฉุกเฉิน ยาป้องกันเชื้อที่ติดต่อจากเพศสัมพันธ์ เเต่ยาเเรงจนเธออาเจียน จนเหนื่อย ภายในวันเดียวกัน เธอเองก็ต้องหอบพลังชีวิตที่เหลืออยู่ ไปเเจ้งความที่สถานีตำรวจ

เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ตำรวจกลับบอกเธอว่าลงบันทึกประจำวันก่อน เเล้วค่อยมาเเจ้งความ พร้อมเเนะนำให้เธอไปตรวจร่างกายอีกรอบ ค่อยมาเเจ้งความ

ความเเปลก คือ ตำรวจขอข้อมูลเเค่วินาทีที่ถูกข่มขืนเท่านั้น ไม่เอาต้นเรื่อง บอกไม่เกี่ยว เธอ งง อีจันฟังเองยัง งง ตำรวจควรรับฟังเรื่องราวตั้งเเต่ต้นไม่ใช่หรือ ?

“เหยื่อ : หนูบอกเขาว่าเขาเอามือขัดคอหนูด้วยนะ

ตำรวจ : ไม่เอา อันนั้นไม่เอา เอาแค่ที่เขาข่มขืน

เหยื่อ : เขารัดเข็มขัดหนูด้วยนะ

ตำรวจ : ไม่เอา อันนั้นมันนอกเรื่อง

เหยื่อ : หนูเดินทางมาเส้นสุขุมวิทนะคะ ไปตรวจกล้องวงจรปิดไหม

ตำรวจ : ไม่ต้องหรอก นี่เราก็มี GPS หนิ เขาพูดอย่างนี้”

“พอวันที่ไปเจอเขาอีกที่ สภ. เขาพูดกับหนูนะว่า จะไปกลัวอะไร ก็ยังไม่ตายหนิ”

เหตุการณ์อันเลวร้าย เสมือนเธอตายทั้งเป็น เเต่มันยิ่งตอกย้ำ กรีดลึกลงไปในใจซ้ำๆย้ำๆ เมื่อเจอได้ยินประโยคนี้ ออกจากปากตำรวจ คนที่ดูเเลคดีของเธอ

เเฟนของเธอ เล่าว่า ตำรวจโบ้ยความผิดมาที่เขาด้วยซ้ำ

หากวันนั้น เขาไปรับเธอ เรื่องราวนี้ก็คงไม่เกิด !

ซึ่งเธอเเละเเฟนมองว่า หากวันนั้นเเฟนมารับ ถูกตำรวจจับเมาเเล้วขับ มันจะยิ่งเเย่ไปมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

เเต่เธอก็ต้องยอมรับเเละรับฟังตามที่ตำรวจพูด เพราะทั้งคู่เองก็ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเเจ้งความ หรือ ดำเนินคดีมาก่อนเลย

ผ่านไป 1 เดือน คดีก็ยังอยู่ที่สถานีตำรวจ ยังไม่ถึงมืออัยการ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจร่างกายของเธอจากโรงพยาบาลตำรวจ เธอเเละเเฟนเดินทางไปที่สถานีตำรวจอีกครั้งเพื่อติดตามคดี เเต่ตำรวจเเจ้งว่างานยุ่งอยู่หลายครั้ง บอกให้เธอกับเเฟนไปรับเอกสารที่โรงพยาบาลเองบ้าง ซึ่งพยาบาลเเจ้งว่า เหยื่อไม่ควรมารับเเฟ้มคดีเอง ต้องเป็นเจ้าของคดีเท่านั้น

เธอเเละเเฟนเสียเวลาอยู่หลายวัน ในการตามเรื่อง เดินทางไปสถานีตำรวจบ่อยเหมือนกลับบ้าน

จนกระทั่ง 15 ธันวาคม 66 ตำรวจเเจ้งว่าออกหมายจับเเล้ว

19 ธันวาคม 66 สายสืบตามจับกุมเเท็กซี่ใจทรามได้

วันนั้น คือ วันที่เหยื่อเเละผู้ต้องหาได้เจอกันอีกครั้ง

วันที่ 21 ธันวาคม ส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาล

ก็เกิดเรื่องตลกร้าย ! สารวัตรเจ้าของคดี เเจ้งมาที่เหยื่อว่า ผู้ต้องหาอยากขอขมา โดยให้เงินเยียวยาจำนวน 15,000 บาท

“หนูไม่ได้อยากรับพวงมาลัย หนูบอกสารวัตรแล้วว่า หนูไม่รับ หนูไม่อยากได้ หนูไม่ให้อภัย หนูไม่อโหสิกรรม สารวัตรบอกก็รับไปสิ รับให้มันจบ จะได้ลดโทษ ไหนๆเขาก็ขอขมาแล้วอยากให้ช่วยรับพวงมาลัยนี้ แล้วก็รับเงิน เผื่อจะได้เป็นเหตุบรรเทาโทษได้ เราก็บอกว่าไม่รับ”

“หนูต้องกินยาต้าน HIV มันใช่เรื่องที่หนูต้องตื่นเช้ามากิน แล้วเวียนหัว อาเจียนทุกวันไหม หนูต้องมานอนฝันร้ายว่าคุณข่มขืนหนูทุกวัน หนูต้องเป็นแบบนี้ หนูนอนไม่ได้เลยสักคืน เข้าไปในคุกเถอะค่ะ เงินหนูไม่เอา ให้เขาได้รู้บ้างว่า หนูทรมานยังไง”

เเต่…สิ่งที่ตลกร้ายไปมากกว่านั้น

เธอเเละเเฟน เล่าให้เราฟังค่ะว่า ตำรวจเรียกรับเงิน !!!

“คือมันมีประโยคแบบนี้เกิดขึ้นกับผมมาแล้ว ครั้งแรกวันที่ 15 วันที่ออกหมายจับ วันนั้นผมอยู่กับเขาที่ สภ. เขาดึงผมมาใกล้ๆแล้วพูดว่า เดี๋ยวตอนจับตัวได้แล้วเรียกหนักๆเลย แล้วนึกถึงสารวัตรด้วยนะ ครั้งที่ 2 คือ วันที่ 19 วันที่จับตัวได้ แล้วพูดประโยคต่อท้ายว่า เรียกหนักๆไปเลย เเละครั้งที่ 3 วันที่ฝากขังที่ศาล”

นี่หรือ ตำรวจเพื่อประชาชน ?

หากพูดเล่น ประโยคนี้ก็ไม่ควร ออกมาจากปาก

คนที่เป็นถึง ตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชนตาดำๆ เเฟนของหญิงสาวพูดกับเรา

ผ่านไป 3 เดือน หลังตำรวจส่งสำนวนฟ้องศาล

15 มีนาคม 66 มีจดหมายมาถึงคอนโด

ซึ่งจดหมายฉบับนั้น คือ จดหมายร้องค่าสินไหมทดแทน

“แต่เราก็ปรึกษาทนายนะครับว่า มันเพื่อการเรียกสินไหมทดแทน ไม่ได้เรียกไปสืบพยาน คือ เราเข้าใจแบบนั้น เราก็เลยรอต่อไป รอไปเรื่อยๆ จนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เราก็ถามทนายอีกว่า มันจะครบ 7 ฝากแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าให้รอ”

รอเเล้ว รอเล่า วันเวลาผ่านไป

จนกระทั่งวันที่ 11 พฤษภาคม 66 ที่ผ่านมา เธอเเละเเฟนเดินทางไปที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามเรื่องราว เจ้าหน้าที่เเจ้งกลับมาทำทั้งคู่ช็อก !!!

“เจ้าหน้าที่แจ้งว่า คนนี้ศาลตัดสินไปแล้วตั้งแต่ 14 มีนาคม 66 และหมดอายุอุทธรณ์ไป 14 เมษายน 66”

เเท็กซี่ใจทราม ถูกศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก 6 ปี

รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือเพียง 3 ปี

คดีสิ้นสุดเเล้ว…โดยที่เหยื่อไม่ได้อุทธรณ์ สู้ต่อ

“ล้มเลยค่ะ ล้มทั้งยืน ข่มขืนวันนั้นทำไมไม่ฆ่าหนูเลยล่ะ ถ้าจะตัดสินแบบนี้ฆ่าหนูเถอะ”

โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับเหยื่อที่ถูกกระทำ

เหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น กลายเป็นบาดเเผลในใจของเธอไปตลอดชีวิต

คนเลวติดคุก 3 ปี แต่ผู้หญิงคนนี้ … ถูกขังให้ตายทั้งเป็น

จากความสุขชั่วคราวที่เกิดจากความโฉดทรามของผู้ชายคนหนึ่ง

นี่หรือ ผลของการกระทำอันต่ำช้า เพียงเเค่ 3 ปี เองหรือ

เธอบอก ขอศาลเมตตาประหารเธอเเทน เพราะ ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรให้ไหว

“หนูไม่ได้จะหมิ่นศาลนะคะ ขอศาลเมตตา ประหารหนูเเทนเถอะค่ะ หนูมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกเเล้ว มันเหมือนตายทั้งเป็น ตลอดชีวิตเทียบกับ 3 ปี รอยยิ้มหนูจะกลับมาได้เหรอ หนูไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้อีกต่อไป”

เพราะโลกมันไม่เหมือนเดิม มัน คือ นรกสำหรับเธอตลอดไป

“หนูเข้าใจว่าท่านไม่ได้ผิด อัยการทุกคนทำงานดีแล้ว เเต่สิ่งที่มันผิด คือ กฎหมายประเทศเรามันอ่อนแอเกินไป มันต้องไปแก้กฎหมายใหม่ แต่ในส่วนของหนูถ้าเป็นไปได้ หนูอยากให้ประหารหนูเเทนค่ะ”

พี่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของหนู ถ้าหนูได้อ่าน

พี่อยากบอกหนูว่า วันนี้หนูเก่งที่สุดเเล้ว จงมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อตัวเอง

วันนี้หนูไม่ได้สู้คนเดียวนะ หนูยังมีคนรอบข้างที่น่ารัก หวังดี รอโอบกอดหนูเสมอนะ

คลิปอีจันแนะนำ
เสียงจากเหยื่อข่มขืน ตายทั้งเป็น จากความสุขชั่วคราวคนใจทราม