เร่งหาตัว! ชายนิรนาม ยิงรถอาสาสมัครร่วมกตัญญู

ตำรวจสน.โชคชัย เร่งหาตัว! ชายนิรนาม บิดมอไซค์ ยิงรถอาสาสมัครร่วมกตัญญู ก่อนหลบหนี

รถตู้พยาบาลอาสาสมัครร่วมกตัญญู ถูกยิงขนาดจอดรอเหตุอยู่บริเวณถนนเลียบด่วนรามอินทรา ใกล้ตลาดนัดหัวมุม ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่ 3 ปลอก

(21เม.ย65) เมื่อเวลา 21.00 น.ร.ต.ท.ณัฐรัฐ กฤตธีระภูมิ รองสว.(สอบสวน)​สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณถนนประดิษฐ์​มนู​ธรรม แขวง-เขตลาดพร้าว จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เหตุเกิดบริเวณถนนประดิษฐ์​มนู​ธรรม ช่วงแยกตลาดนัดหัวมุม พบรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮแอท สีเทา ติดสติ๊กเกอร์​ambulance และ มูลนิธิ​ร่วมกตัญญู​ ทะเบียนกรุงเทพ ถูกยิงที่บริเวณกระจกด้านหลัง 1 นัด และบริเวณกระจกด้านหลังฝั่งขวา จำนวน 2 นัด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถัดไปด้านหลังบริเวณทางกลับรถ พบปลอกกระสุน จำนวน 3 ปอกตกอยู่กลางถนนและริมฟุตพาท

นายชยธร หรือเบิร์ด อายุ 25 ปี เจ้าของรถ และอาสาสมัครมูลนิธิ​ร่วมกตัญญู​ ให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนและแฟนสาว ไปส่งคนไข้เสร็จ ได้ขับรถมาตามถนนประดิษฐ์​มนูธรรม​มุ่งหน้ารามอินทรา ก่อนจะมาจอดพักรถบริเวณแยกตลาดนัดหัวมุม

โดยมีรถพยาบาลของมู​ลนิธิร่วมกตัญญู​รุ่นพี่จอดอยู่ด้านหน้า จากนั้นตนได้ลงไปทักทายรุ่นพี่ โดยแฟนสาวได้นั่งอยู่ด้านหน้ารถเบาะข้างคนขับ ขณะเดินกลับมาที่รถ พบคนร้ายจอดคร่อมรถจักรยานยนต์​ ยี่ห้อยามาฮ่า ไม่ทราบรุ่น สีแดงด้าน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

คนร้ายสวมเสื้อสีเข้ม คล้ายแมสเซนเจอร์ รูปร่างผอมสูง สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ เล็งอาวุธปืนมายังตน ก่อนที่จะหันปากกระบอกปืนไปด้านหลังแล้วลั่นไก จำนวน 3 นัด ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์​ยูเทิร์น กลับไปมุ่งหน้าลาดพร้าว หลบหนีไป


ไม่ทราบว่าคนร้ายขับตามมาหรือว่ายังไง ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่รู้จริงๆว่าคนร้ายก่อเหตุ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่


ด้านพลตำรวจตรีพรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุน 3 ปลอก คาดว่าเป็นกระสุนขนาด .380 และตำรวจอยู่ระหว่างการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ

ซึ่งพอจะทราบเส้นทางหลบหนีของคนร้ายแล้ว ส่วนมูลเหตุจูงใจก็ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ตำรวจจะนำไปประมวลรวมกับเหตุขัดแย้งระหว่างมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิสยามรวมใจ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย และไม่ยังตัดประเด็นเรื่องการยิงผิดมูลนิธิทิ้ง


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป