สายหวาน เศร้า! 'น้ำตาลทราย' จ่อขึ้นราคา กิโลกรัมละ 4 บาท

'กระทรวงพาณิชย์' เผยยอดการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.66 ว่ามีมูลค่า อยู่ที่ 25,476.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 888,666 ล้านบาท ขยายตัว 2.1% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

โดยเฉพาะดาวรุ่งอย่าง 'น้ำตาลทราย' ที่พีคสุดในรอบ 3 เดือน ขยายตัวขึ้น 16.3% มูลค่า 163 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5,686 ล้านบาท ในตลาดอินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม ไต้หวัน และสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (25 ต.ค.66) มีรายงานว่า ราคาน้ำตาลทรายในประเทศ หน้าโรงงาน เร็วๆ นี้ อาจจะปรับขึ้นกิโลกรัมละ 4 บาท โดยเป็นการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นกิโลละ 2 บาท และเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลอีกกิโลละ 2 บาท เพื่อไปจ่ายช่วยเหลือผู้ปลูกอ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาล โดยไม่ใช้วิธีการเผาเพื่อที่จะลดฝุ่น PM 2.5

แล้วถ้าเคาะออกมา โดย คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) จะทำให้ราคาขายปลีกส่งต่อมายังราคาหน้าโรงงานที่ต้องปรับขึ้น จากปัจจุบันราคาหน้าโรงงาน 'น้ำตาลทรายขาวธรรมดา' กิโลกรัมละ 19 บาท ก็จะปรับเป็น 23 บาท ส่วน 'น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์' กิโลกรัมละ 20 บาท ก็จะเป็น 24 บาท ขณะที่ ราคาขายปลีก 'น้ำตาลทรายขาวธรรมดา' กิโลกรัมละ 24 บาท ก็จะปรับเป็น 28 บาท และ 'น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์' กิโลกรัมละ 25 บาท ก็จะเป็น 29 บาท

สำหรับ 'อีจัน' มองว่า น้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญในอาหารและเครื่องดื่ม หากขึ้นราคาจะมีผลกระทบสะท้อนต่อหลายด้านในเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของผู้คน อาทิ สินค้าที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น ขนม เครื่องดื่ม และยา จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ คนทั่วไปจะต้องเสียเงินมากขึ้น เมื่อซื้อสินค้าที่มีน้ำตาล ซึ่งเป็นการภาระเพิ่มค่าใช้จ่าย

ฟากธุรกิจในสายการผลิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาล เช่น ร้านขนม ร้านกาแฟ และโรงงานผลิตเครื่องดื่ม จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน และบางทีอาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ และเป็นเรื่องปกติ ที่ราคาของวัตถุดิบสำคัญอย่างน้ำตาล จะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและการเงินในประเทศ นำไปสู่ปัญหาการเงินในประเทศได้ด้วย ดังนั้น จึงต้องจับตาว่า เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป