กรุงไทย โชว์ไตรมาสแรกปี 66 กำไรสุทธิ 10,067 ล้านบาท

ไตรมาสแรกปี 66 ธนาคารกรุงไทย กวาดกำไรสุทธิ 10,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%

‘ธนาคารกรุงไทย’ เผยผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะที่ การส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง 

เศรษฐกิจไทยจึงยังเผชิญความท้าทาย จากการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายกลับเข้าสู่ ภาวะปกติหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายใต้สภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อต้นทุนของภาคธุรกิจ 

โดยธนาคารดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มเพื่อให้สามารถปรับตัวเพื่อรับมือความท้าทายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและเอสเอ็มอีที่อ่อนไหวต่อต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น

นายผยง กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 10,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24% 

จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง 18.8% จากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ 

ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานขยายตัวจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการแก่ลูกค้า ทำให้ Cost to Income Ratio เท่ากับ 38.70% ลดลงจาก 41.25% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลตามฤดูกาลที่ Cost to Income Ratio ในไตรมาสอื่นจะสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1

ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้น 48.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพิจารณาถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน รวมทั้งเงินเฟ้อ ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มลดลงแต่ยังคงอยู่ระดับที่สูง

และยังคงรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 183.2% เทียบกับ 179.7% เมื่อสิ้นปี 2565 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) 3.22% ลดลงจากสิ้นปี 2565

เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เพิ่มขึ้น 24.1% โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 14.1% ทั้งรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัว 1.8% ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 13%

ส่วนหนึ่งเนื่องจากในไตรมาส 4 ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่น การส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 183.2% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

ณ วันที่ 31 มี.ค.66 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1  เท่ากับ 16.55% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 19.75% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ

รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอ โดยมี Liquidity Coverage ratio (LCR) ที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 180 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด

นอกจากนี้ นายผยง ยังกล่าวว่า ในปี 66 ธนาคารดำเนินธุรกิจภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลัก ตามแผนงาน 5 ปี (2566-2570) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิด มุ่งสร้างคุณค่า สู่ความยั่งยืน เพื่อให้ธนาคารเติบโตอย่างมั่นคง ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม ทั่วถึง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มุ่งสร้างโอกาสให้คนไทย ธุรกิจไทยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

มัดรวม 10 บัญชีเงินฝากดิจิทัล ดอกเบี้ยสูง ประจำเดือน เม.ย.66
คลิปอีจันแนะนำ
ฝากขังผลัดแรกยกแก๊ง!