
ช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้าย ก่อนเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 14 พ.ค.66 แต่ละพรรคการเมืองต่างรุกหนัก พากันลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างเข้มข้น ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก
ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน เม.ย.66 จากประชาชนทั่วประเทศ 2,238 คน ระหว่างวันที่ 24-28 เม.ย.66 พบว่า ความเชื่อมั่นทุกรายการดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมอยู่ระดับ 55 เพิ่มจากระดับ 53.8 ในเดือน มี.ค.66 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.63
โดยบรรยากาศรณรงค์หาเสียงก่อนเลือกตั้ง เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากทุกพรรคลงหาเสียงในพื้นที่ทั่วประเทศ ปิดแผ่นป้ายประกาศนโยบาย จัดเวทีดีเบตกันต่อเนื่อง ถือได้ว่าเป็นการแข่งขันทางการเลือกตั้งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย จึงเป็นผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแรงสะพัด และมีเงินเข้าสู่ระบบหลายหมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 65 ถึงปัจจุบัน มีเงินสะพัดทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของคนในประเทศและต่างชาติ ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมทั้งตัวเลขธนบัตรใบละ 500 บาท และใบละ 1,000 บาท สะพัดในระบบเศรษฐกิจ จึงส่งผลต่อดัชนีความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมือง ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 7 และสูงสุดรอบในรอบ 42 เดือน
ก่อนหน้านี้ประเมินว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 5-6 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งจะเพิ่มขึ้นอีกราว 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น และคาดว่า หลังการเลือกตั้ง
จะเห็นการจัดตั้งรัฐบาล และได้นายกรัฐมนตรี เดือน ก.ค.-ส.ค.66 หากหน้าตารัฐบาลดีผลจะออกมาเป็นบวก นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ จะเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น
"เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตในกรอบ 3-3.5% ซึ่งโอกาสน้อยมากที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% คือรัฐบาลใหม่ขาดเสถียรภาพ จะบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุน ลงทุนในประเทศล่าช้าและอาจส่งผลต่อคนไทยท่องเที่ยว หากว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพและจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเร็ว เชื่อว่าโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ 3.5-4%" นายธนวรรธน์กล่าว