คลัง ยืนยัน ไม่ซ้ำเติมประชาชน ด้วยการขึ้น VAT 9%

คลังปัดข้อเสนอเพิ่ม VAT เป็น 9% ชี้ไม่ซ้ำเติมประชาชน ย้ำฐานะคลังรัฐบาลยังมั่นคง

จากกรณีมีผู้เสนอให้รัฐบาลแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 9 นั้น

ล่าสุด (10 ก.ย. 63) กระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ฐานะทางการคลังของรัฐบาลในปัจจุบันยังมีความมั่นคงและมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบและเยียวยาแก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19

ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ ระดับเงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป อีกทั้ง ภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และระดับหนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ภาพจากอีจัน
สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นภาษีฐานการบริโภคที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มย่อมส่งผลกระทบต่อการบริโภคของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลของการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้ระดับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการลดอำนาจการซื้อของประชาชน ซึ่งอาจเป็นการซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 9 จะทำให้ GDP ลดลงอย่างน้อยร้อยละ -0.6 ต่อปีจากกรณีฐาน ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าให้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปีจากกรณีฐาน ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัวยิ่งหดตัวมากขึ้น ดังนั้น การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนจึงต้องพิจารณารอบด้านและดูช่วงเวลาที่เหมาะสม