
ยุคนี้การจ่ายเงินซื้อของออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต เป็นเรื่องปกติ
แต่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดความไม่ปกติในยอดบัญชีที่จ่ายไป
แล้วถ้าเกิดความไม่ปกติกับยอดบัตรเครดิต บัตรเดบิต ต้องทำอย่างไร
อ่านกันค่ะ...
ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แนะนำประชาชน ว่า หากพบรายการใช้จ่ายในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตผิดปกติ โดยที่ไม่ได้ใช้ ให้ดำเนินการดังนี้
1.เก็บหลักฐานรายการผิดปกติ วันเวลา จำนวนเงิน
2.อายัดบัตรเครดิต/เดบิตด้วยตนเองผ่าน Mobile Banking หรือโทรติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารผู้ออกบัตรหรือสาขาธนาคารเพื่อขออายัดบัตรทันที
3.แจ้งปฏิเสธรายการและให้ข้อมูลหลักฐานรายการที่ผิดปกติ ผ่านคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร
หลังจากนั้น ธนาคารดำเนินการตรวจสอบ หากพบถูกคนร้ายเอาข้อมูลบัตรไปสวมรอยทำธุรกรรม ธนาคารผู้ออกบัตรจะดำเนินการคืนเงินภายใน 5 วันทำการสำหรับบัตรเดบิต ส่วนบัตรเครดิตนั้น ธนาคารจะยกเลิกรายการที่ผิดปกติ โดยไม่ต้องชำระเงิน
ส่วนวิธีการป้องกัน
1.ให้ตรวจสอบรายการใช้จ่ายและการเคลื่อนไหวในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
2.หลีกเลี่ยงการผูกบัตรเครดิตบัตรเดบิตกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่น่าไว้ใจ เช่น ไม่มีการยืนยันตัวตน ไม่มีการส่ง OTP เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล
3.จดข้อมูลว่าผูกบัตรใดไว้กับแอปพลิเคชันไหนบ้าง
4.ตั้งวงเงินในบัตรเครดิตบัตรเดบิตเท่าที่จำเป็นกับการใช้จ่าย เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหาย
5.หากพบรายการผิดปกติ ให้รีบติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร.1213
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในช่วงปีที่ผ่านมาสาเหตุของการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมักเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้รหัส OTP (One-Time Password) โดยเริ่มจากจำนวนเงินน้อย ๆ ก่อน แล้วเมื่อพบเลขบัตรที่สามารถใช้งานได้ ก็จะใช้เลขบัตรนั้นทำธุรกรรมที่วงเงินสูงขึ้นต่อไป
ดังนั้น หมั่นตรวจสอบยอดบัตรเครดิต บัตรเดบิตที่ใช้จ่ายสม่ำเสมอนะคะ