
วันที่ 31 ม.ค. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น “ค่าแรง 17 สาขาอาชีพ” ตามที่ กระทรวงแรงงาน ได้เสนอเพื่อเป็นการปรับอัตราค่าแรงงานให้มีความเหมาะสมกับความสามารถ โดยการปรับอัตราค่าแรงครั้งนี้จะอยู่ในสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาด และผู้ที่จะได้ปรับขึ้นค่าแรงจะต้องได้รับใบรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานแล้วเท่านั้น
เบื้องต้นจะมีการปรับ "ค่าแรง" ในอัตรา 400-700 บาท แต่จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานแล้วเท่านั้น สำหรับรายละเอียดอาชีพที่เสนอปรับ "ค่าแรง" ตาม อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 อาชีพ จำนวน 17 สาขา ดังนี้
สาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรม
1. ช่างระบบถ่ายกำลัง 495 บาท
2. ช่างระบบปั้มและวาล์ว 515 บาท
3. ช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาท
4. ช่างปรับ 500 บาท
5. ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก-แม็กด้วยหุ่นยนต์ 520 บาท
6. ช่างเทคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 545-715 บาท
สาขาอาชีพช่างเครื่องกล
7. ช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร 465-620 บาท
8. ควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาท
9. ควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาท
10. ควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาท
11. ควบคุมเครื่องจักรตัก 520 บาท
สาขาอาชีพภาคบริการ
12. นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบำบัด) 500-600 บาท
13. นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (นักวารีบำบัด) 500-600 บาท
14. นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบำบัด) 500-600 บาท
15. พนักงานผสมเครื่องดื่ม 475-600 บาท
16. การเลี้ยงเด็กปฐมวัย 530 บาท
17. ช่างเครื่องช่วยคนพิการ 520-600 บาท
อัตราค่าจ้างฯ นี้ จะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามไม่ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กำหนด หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ