เข็ดจากเราชนะ 1,000 ร้านค้าขู่ ไม่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

1,000 ร้านค้า โวยลั่น! เข็ดจากโครงการเราชนะ โดนเรียกเงินคืนทั้งหมด ขู่ไม่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม
เข็ดจากเราชนะ 1,000 ร้านค้าขู่ ไม่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

ช่วงต้นปี 2564 หากหลายคนจำได้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ผุดโครงการเราชนะ เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ช่วงการแพร่ระบายของโควิด-19

โดยจะสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือประชาชน ราว 31.1 ล้านคน วงเงินไม่เกิน 3,500 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.64) ใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ (เฉพาะผู้ที่ถือบัตรคนจน), ร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะ รวมถึงใช้บริการขนส่งสาธารณะ (ยกเว้นเครื่องบิน) สนนวงเงินโครงการรวม 210,200 ล้านบาท

แต่ล่าสุด นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกว่า 100 ร้านค้า ว่าจะไม่ร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแน่นอน อีกทั้ง ได้ร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลด้วย เพราะด้วยเงื่อนไข คือ ต้องใช้จ่ายในระยะทางไม่เกิน 4 กม.คล้ายกับโครงการเราชนะ จึงหวั่นว่าจะซ้ำรอย ทำให้ต้องมีการเรียกเงินคืนทั้งหมดจากร้านค้าอย่างไม่เป็นธรรม

"ถ้าจะทำให้ประชาชนใช้จ่ายได้มากขึ้น ก็ต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ร้านค้าต้องรับผิดชอบทั้งๆ ที่ไม่ใช่เงินที่เขาต้องรับผิดชอบ จึงขอฝากไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้นำโครงการเราชนะเป็นต้นแบบ หากจะออกนโยบายใด ขอให้คำนึงถึงประชาชน และใช้เม็ดเงินของประชานให้เกิดประโยชน์สูงสุด" นายสามารถ กล่าว

ขณะที่ ณัฐนิตา พวงเงิน เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่ง กล่าวว่า จากโครงการเราชนะ เวลาเราสั่งซื้อสินค้ามาขายที่ร้าน พอขายได้ วันรุ่งขึ้นได้เงินจากโครงการเราชนะ เราจะนำเงินส่วนนั้นมาลงทุนซื้อของขายอีก ซึ่งทั้งหมดนี้เราได้กำไรเพียง 5-10% แต่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง เรียกเงินคืนทั้งหมด 100% ซึ่งไม่ถูกต้อง เหมือนโดนรังแก ไม่ได้รับความยุติธรรม

ดังนั้น สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยืนยันแน่นอนว่าจะไม่เข้าร่วม เพราะได้รับความเดือดร้อนจากกระทรวงการคลัง ในโครงการเราชนะ ต้องมาต่อสู้ ต้องมาขึ้นศาลปกครอง และต้องมาอุทธรณ์ ต้องมาดำเนินการทุกอย่าง ทั้งที่ไม่ได้กระทำผิด เราคือขายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ลูกค้าได้สินค้าเราไป 100% ไม่มีลูกค้าท่านใดมาร้องทุกข์ว่า ไม่ได้รับสินค้าจากทางร้านแม้แต่คนเดียว

"อยากให้รัฐบาล หันกลับมามองคนที่เดือดร้อน คนที่เป็นหุ้นส่วน คนที่เป็นพันธมิตรจากวันนั้นที่รัฐบาล ร้องขออยากได้ร้านค้าเข้าร่วม เรายินดีเข้ามา แต่วันนี้เราเดือดร้อน ที่ต้องหาเงินที่เป็นของเรา มาคืนให้กับรัฐบาลอีก และวันที่เราสมัคร ธนาคารกรุงไทยมาเชิญถึงที่ร้านบอกว่าให้ขายออนไลน์ได้ เราก็ขายสินค้าตามที่ยื่นกับธนาคาร

แต่วันที่เราเดือดร้อน และทำหนังสือไปยังธนาคาร เพื่อขอดูใบสมัครที่เราติดหัวข้อขายออนไลน์ได้ ธนาคารไม่มีเยื่อใย แม้จะส่งเอกสารนั้นมาให้เราต่อสู้คดี จึงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวน ยกเลิก เพิกถอนคำสั่ง ในที่จะเรียกเงินทั้งหมดคืน ซึ่งหากยกเลิกและให้ความเป็นธรรม เชื่อว่าร้านค้าอีกกว่า 1,000 ร้านค้า ที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ยินดีที่จะร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แน่นอน" ณัฐนิตา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เข็ดจากเราชนะ 1,000 ร้านค้าขู่ ไม่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นายกฯเศรษฐา ฟันธง เงินดิจิทัล 10,000 บาท จ่ายผ่านบล็อกเชน
เข็ดจากเราชนะ 1,000 ร้านค้าขู่ ไม่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท
เอาให้แน่! เงินดิจิทัล 10,000 บาท จ่ายผ่านแอปเป๋าตัง หรือบล็อกเชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

No stories found.

ข่าวยอดนิยม

No stories found.
logo
ข่าว อีจัน
www.ejan.co