แชร์ 7 เคล็ดลับผ่อนบ้าน ให้เงินต้นหมดไวเว่อ ตัดปัญหาหนี้สินรุงรัง

วัยสร้างตัวห้ามพลาด! 7 เคล็ดลับผ่อนบ้านอย่างไร ให้เงินต้นหมดไว ตัดปัญหาหนี้สินรุงรัง เจอจ่ายจบในชาตินี้
แชร์ 7 เคล็ดลับผ่อนบ้าน ให้เงินต้นหมดไวเว่อ ตัดปัญหาหนี้สินรุงรัง

เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแชร์เรื่องราวสู้ชีวิต โดยโพสต์ภาพสลิปโอนเงินจ่ายค่าบ้าน ซึ่งมียอดชำระไปทั้งหมด 10,900 บาท แต่ตัดเงินต้นไปแค่ 5.50 บาท นอกนั้นหักค่าดอกเบี้ยไป 10,894.50 บาท ยอดเงินต้นคงเหลือ 2,140,425.87 บาท พร้อมเขียนแคปชั่นว่า ชาติไหนหมดเนี่ย หนักเลยวันนี้ ไปตัดต้น 5 บาท ฝากถึงคนที่จะกู้บ้าน5555555 ตาย 2ปีแรกชิว พอปีที่3 รอรีไฟแนนซ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

แชร์ 7 เคล็ดลับผ่อนบ้าน ให้เงินต้นหมดไวเว่อ ตัดปัญหาหนี้สินรุงรัง
สาวกู้ซื้อบ้าน เป็นท้อ! ส่งดอกเบี้ยหมื่นกว่า เจอแบงก์หักต้นแค่ 5 บาท

'อีจัน' เข้าใจหัวอกคนวัยสร้างตัวเป็นอย่างดี โอกาสนี้จึงจะมาแชร์ 7 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้เงินต้นหมดไว หมดปัญหาหนี้คงค้าง ซึ่งเป็นข้อมูลดีๆ จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แต่ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ต้องผ่อนบ้านอย่างไรเงินต้นถึงจะหมดเร็วขึ้น โดยปกติแล้วค่างวดที่เราส่งให้กับธนาคารในทุกๆ เดือนนั้น จะถูกแบ่งจ่ายเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เงินต้น และ ดอกเบี้ย

ซึ่งในช่วงแรกจะหนักไปที่ดอกเบี้ยเสียมากกว่า ตัวอย่างเช่น กู้ซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท มีดอกเบี้ย 7% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนทั้งหมด 30 ปี งวดละ 14,000 บาท

โดยเงินจำนวนนี้จะหักเงินต้นไปทั้งหมด 2,075 บาท แต่นำไปหักดอกเบี้ยมากถึง 11,925 บาทเลยทีเดียว แต่ดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้านนั้นเป็นแบบลดต้นลดดอก ยิ่งคุณผ่อนจนเงินต้นลดน้อยลงดอกเบี้ยก็ยิ่งน้อยลงตาม นั่นหมายความว่าหากคุณสามารถจัดการกับเงินต้นได้ คุณก็ยิ่งผ่อนบ้านได้เร็วขึ้น

1.จ่ายเกินทุกงวด

เงินในแต่ละงวดที่คุณจะต้องจ่ายนั้นประกอบไปด้วย เงินต้น + ดอกเบี้ย ซึ่งจะหนักไปที่ดอกเบี้ยเสียส่วนมากแต่ถ้าคุณจ่ายเงินเกินกว่าจำนวนที่ทางธนาคารกำหนดให้คุณจ่ายมาในแต่ละเดือน เงินส่วนที่เกินมานั้นก็จะไปหักกับเงินต้นเดิม ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถผ่อนได้หมดไวขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในแต่ละงวดคุณต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านให้กับธนาคาร 10,000 บาทเป็นระยะเวลา 30 ปี แต่ถ้าหากคุณโปะเพิ่มไปอีกเป็นจ่ายเดือนละ 20,000 บาท จะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนจาก 30 ปีเหลือเพียง 9-10 ปีเท่านั้น

แต่ถ้าหากไม่ได้มีเงินโปะทีละมากๆ ทุกเดือน คุณอาจเลือกโปะเพิ่มทีละน้อยๆ ประมาณ 10-20% ก็ช่วยลดเงินต้นลงไปได้มากเช่นกัน อีกทั้งยังไม่กระทบกับภาระทางการเงินของคุณอีกด้วย

2.จ่ายเพิ่มปีละครั้ง

การจ่ายค่างวดเพิ่มปีละครั้งจะคล้ายกันกับการเพิ่มเงินจ่ายในทุกๆ งวด แต่จะต่างกันที่การจ่ายเพิ่มปีละครั้งนั้นจะเป็นการจ่ายเพิ่มอีกงวดนึงแทน จึงกลายเป็นว่าจากเดิมที่คุณผ่อนจ่าย 12 ครั้งต่อปี ก็กลายมาเป็น 13 ครั้งต่อปี แม้ที่จ่ายเพิ่มจะไม่ได้เป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ช่วยลดจำนวนเงินต้นลงไปได้ในระดับหนึ่ง

3.รีบโปะเพิ่มช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน ธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำตามเงื่อนไขหรือโปรโมชั่นของทางธนาคาร หากในช่วงนั้นคุณพยายามโปะเงินเพิ่ม จะทำให้เงินต้นลดลงไปได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ สินเชื่อบ้านนั้นเป็นรูปแบบการกู้แบบลดต้นลดดอก กาารโปะเงินเพิ่มเพื่อลดเงินต้น จะทำให้ดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในช่วงหลังจากนี้ลดลงไปอีกด้วย

โดยอาจเพิ่มเป็นเงินจำนวนน้อยๆ ในแต่ละเดือนตามกำลังทรัพย์ที่ไหวก่อน แล้วค่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พยายามโปะเพิ่มให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้ เพื่อที่ตอนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วจะได้ไม่ลำบาก

4.มีเงินก้อนต้องโปะ

หากคุณเป็นพนักงานบริษัทและได้โบนัสทุกๆ ปี ถ้าอยากให้หนี้สินหมดไวก็ต้องทนกัดฟันยอมนำเงินก้อนนี้ไปโปะค่าบ้าน ซึ่งนอกจากเงินต้นที่จะลดลงไปเป็นจำนวนมากแล้ว ดอกเบี้ยที่คุณะต้องเสียก็ยังลดลงอีกด้วย

5.ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่

อย่างที่ทราบกันดีว่า การผ่อนบ้านจะมีรูปแบบดอกเบี้ยแบบ MRR ซึ่งในปีต่อๆ ไปจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เช่น จากเดิม 3% แต่เมื่อผ่านไป 3 ปีกลับเป็น 6.5% ซะอย่างนั้น ทำให้คุณต้องจ่ายเพิ่มอีกจำนวนมาก แถมที่ต้องจ่ายก็เป็นดอกเบี้ยเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินต้น แต่คุณสามารถปรับโครงสร้างหนี้ใหม่เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ โดยมีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

  • Refinance (รีไฟแนนซ์)

    การ Refinance (รีไฟแนนซ์) เป็นวิธีที่จะย้ายหนี้เดิมของคุณจากธนาคารหนึ่ง ไปอีกธนาคารหนึ่ง ซึ่งธนาคารใหม่จะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าทำให้คุณสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้านให้กับคุณได้เป็นอย่างมาก

  • Retention (รีเทนชั่น)

    ในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องย้ายไปธนาคารอื่นซะทีเดียว เนื่องจากธนาคารหลายๆ แห่งก็มีโปรโมชั่นในการปรับอัตราดอกเบี้ยกับที่เดิม เรียกว่า Retention (รีเทนชั่น) ซึ่งจะมีความยุ่งยากน้อยกว่าการย้ายไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น โดยเฉพาะถ้าคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาโดยตลอด ธนาคารจะยิ่งอนุมัติการรีเทนชั่นเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม ต้องอ่านสัญญาให้ดีก่อนว่าคุณสามารถทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ตอนไหน ซึ่งปกติแล้วจะสามารถทำได้เมื่อมีอายุสินเชื่อตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป หากคุณทำไม่ตรงตามเงื่อนไขสัญญาและรีไฟแนนซ์ก่อน คุณอาจจะต้องเสียค่าปรับจากธนาคารเดิมเป็นจำนวนมากซึ่งจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปได้

6.ติดตามข่าวสาร มองหาโปรโมชั่นเสมอ

แต่ละธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นสินเชื่อเพื่อการผ่อนบ้านเฉพาะของแต่ละช่วงเวลาออกมา เช่นโปรลดดอกเบี้ย 3 ปี หรือโปรยืดระยะเวลาผ่อน แต่คุณก็ต้องติดตามข่าวสารเอาไว้ให้ดีๆ เพราะโปรโมชั่นเหล่านี้เป็นที่ต้องการมาก หากคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารตลอดเวลาและติดต่อช้าเกินไปล่ะก็ คุณอาจจะพลาดโอกาสดีๆ ที่จะลดภาระทางการเงินของคุณได้

7.อย่าสร้างหนี้สิ้นเพิ่ม

นอกจากวิธีการผ่อนบ้านต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว คุณจะต้องมีวินัยในตัวเองโดยการ ไม่สร้างหนี้สินเพิ่ม เพราะแค่หนี้จากการผ่อนบ้านก็เป็นภาระที่ใหญ่มากพออยู่แล้ว หากคุณยังเลือกที่จะผ่อนนั่นผ่อนนี่เพิ่มภาระให้กับตัวเองอีก หนี้สินของคุณก็ยิ่งทับซ้อนกัน

เพราะฉะนั้นควรสร้างวินัยให้กับตัวเอง หากมีอะไรที่จำเป็นแนะนำว่าจ่ายเป็นเงินสดจะดีที่สุด มิฉะนั้นคุณอาจต้องแบกรับภาระการผ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปไม่จบไม่สิ้น

จากวิธีการทั้งหมดที่กล่าวมา เพียงแค่คุณวางแผนให้ดี พิจารณาสภาพคล่องทางการเงินอย่างรอบคอบ ประกอบกับการมีวินัยในการผ่อนชำระให้ตรงเวลา เท่านี้ การเป็นเจ้าของบ้านในฝัน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปค่ะ

แชร์ 7 เคล็ดลับผ่อนบ้าน ให้เงินต้นหมดไวเว่อ ตัดปัญหาหนี้สินรุงรัง
นายกฯเศรษฐา สั่งแก้หนี้ หักดอกเบี้ยเกินเงินต้น ไม่ควรเกิด!
คลิปอีจันแนะนำ
มรดกเลือด ลูกวางยาพ่อแม่ หวังสมบัติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

No stories found.

ข่าวยอดนิยม

No stories found.
logo
ข่าว อีจัน
www.ejan.co