
ฤดูประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 2/66 ทิศทางธุรกิจกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยสวยงามนัก อย่างกลุ่มบางจาก, กลุ่มไทยออยล์ และกลุ่ม ปตท. กำไรลดลง แต่ขณะที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือกัลฟ์ มีกำไรเพิ่มขึ้น
จากรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 35,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จาก 24,553 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน ที่ 3,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จาก 3,081 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวมีสาเหตุจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ IPP ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 MW ภายใต้กลุ่ม IPD โดยหน่วยที่ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 MW ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค.66 ที่ผ่านมา
โดยรับรู้ Core Profit จำนวน 223 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. เพิ่มขึ้น
โดยมี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 78% ในไตรมาส 2/65 เป็น 80% ในไตรมาส 2 ปีนี้ และยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง โดยราคาค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจาก 449.15 บาท/ล้านบีทียูในไตรมาส 2/65 เป็น 406.44 บาท/ล้านบีทียูในไตรมาสนี้ หรือลดลง 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 0.17 บาท/kWh ในไตรมาส 2/65 เป็น 1.12 บาท/kWh ในไตรมาสนี้
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/66 กัลฟ์ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร Core Profit จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation จำนวน 148 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไร Core Profit จากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ DIPWP ในประเทศโอมาน จำนวน 139 ล้านบาท
โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจาก 52 MW ในไตรมาส 2/65 เป็นครบทั้งสิ้น 326 MW ในไตรมาส 2/66 รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไร Core Profit จากโครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะ เพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว Thai Tank Terminal จำนวน 59 ล้านบาทในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วนจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) ที่ประเทศเยอรมนี ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลง
ซึ่ง กัลฟ์ ได้จำหน่ายหุ้นในสัดส่วน 25.01% ให้ Keppel Group ในเดือน ธ.ค.65 นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ PTTNGD ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันเตาลดลงในอัตราที่สูงกว่าราคาค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรายได้ของโครงการดังกล่าวจะผูกกับราคาน้ำมันเตา ในขณะที่ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับราคาค่าก๊าซธรรมชาติ ประกอบกับส่วนขาดทุนจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ที่ปสารัชถ์ รัตนาวะดีระเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub ที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1.99 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ในไตรมาสนี้
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกัลฟ์ เผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 2566 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นประมาณ 50% ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากการเปิดดำเนินการของโครงการของกัลฟ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ซึ่งยังคงดำเนินไปตามแผน โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong ที่ประเทศเวียดนามได้เปิดดำเนินการครบทั้งสิ้น 128 MW เป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือน ก.ค.66
อีกทั้ง โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 662.5 MW มีกำหนดเปิดดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.66 และโครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1 มีกำหนดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 40-50 MW ภายในปีนี้ รวมเป็น 130-140 MW นอกจากนี้ แนวโน้มค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง จะส่งผลให้กำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ดีขึ้น
ส่วนของธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยภายใต้ Gulf Binance นั้น GULF ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อย และมีกำหนดเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของ GULF ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังมีความคืบหน้าตามแผน ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่จะถมทะเลแล้วเสร็จในปี 67 โดยมีแผนจะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ต่อทันที และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง M6 และ M81 ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 68
รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งมีกำหนดจะเปิดดำเนินการตามแผน ในส่วนของธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ภายใต้ธุรกิจดิจิทัล คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายนปีนี้ โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 68
ทั้งนี้ กัลฟ์มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งหน่วยของการผลิต (Carbon Intensity) ให้ได้ 25% ภายในปี 73 เมื่อเทียบกับปีฐานปี 62 และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 78 โดยกลุ่ม GULF อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน