บัตรคนจน ยืนยันตัวตนทัน 26 เม.ย.66 ได้ใช้สิทธิ 1 พ.ค.66

ยืนยันตัวตน ‘บัตรคนจน’ ครบ 90% แล้ว ‘กระทรวงการคลัง’ เตือนใครยังไม่ทำ รีบเลย ทัน 26 เม.ย.66 ได้ใช้สิทธิ 1 พ.ค.66

ความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 18 เม.ย.66 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 13,145,989 ราย (หรือคิดเป็น 90.06% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด)

โดยผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนจำนวนทั้งสิ้น 1,419,557 ราย ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด ทั้งนี้ หากยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 เม.ย.66 จะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 เป็นต้นไป

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง จึงได้เปิดเผยว่า ขอให้ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตน รีบดำเนินการยืนยันตัวตนให้แล้วเสร็จ เพื่อรักษาสิทธิสวัสดิการตามโครงการ ทั้งนี้ รายละเอียดช่วงเวลาการยืนยันตัวตนและวันที่เริ่มใช้สิทธิตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ดังนี้

ช่วงเวลาการยืนยันตัวตน วันที่เริ่มใช้สิทธิ การได้รับสิทธิ

• 27 มี.ค. ถึง 26 เม.ย.66 และ 1 พ.ค.66 ได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (ร้านธงฟ้า) เท่านั้น)

• 27 เม.ย. ถึง 26 พ.ค. 66 และ 1 มิ.ย.66 

• 27 พ.ค.ถึง 26 มิ.ย.66 และ 1 ก.ค.66 

• 27 มิ.ย.66 เป็นต้นไป 1 ส.ค.66 ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้

ทั้งนี้ นายพรชัย ยังกล่าวว่า สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ในกรณีนี้ ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร

และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง นอกจากนี้ การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอาจเกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ซึ่งผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่านขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทย ต่อไป

ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พ.ค.66 โดยดำเนินการได้ผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้

1.ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือ

2.ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ ธ.ก.ส.สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์

ทั้งนี้ เมื่อผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติได้ทำการยื่นขออุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ขอให้ไปติดต่อเพื่อขอตรวจสอบและ/หรือขอปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้องได้ที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง

หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยข้อมูลจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 1,247,494 ราย

สำหรับความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มี.ค.66 ณ วันที่ 18 เม.ย.66 เวลา 13.00 น. มีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 3,668.24 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิจำนวนกว่า 11.53 ล้านราย

โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าฯ จำนวน 3,418.56 ล้านบาท วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 214.45 ล้านบาท และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 35.23 ล้านบาท ตามลำดับ

ผู้มีสิทธิทุกคน รีบได้ รีบยืนยันตัวตนกันนะ สิทธิเพียบ พลาดแล้วจะเสียใจ

คลิปแนะนำอีจัน
รุ่นพี่สาวยัน คืนเกิดเหตุ น้ำเพชรอยู่กับเธอ!