‘กระทรวงการคลัง’ โดย นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงต่อกรณีสื่อออนไลน์แห่งหนึ่ง มีการพาดหัวข่าวว่า งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ล่าสุดได้ลดลงเหลือ 18,000 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2566 และทำให้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการดำเนินมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม
โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีความสามารถในการใช้จ่ายค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะการใช้จ่ายตามมาตรา 28 ว่าด้วยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง) และเพดานการก่อหนี้สาธารณะ พบว่า ในเวลานี้ใกล้เต็มเพดานที่ 32% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย ทำให้เป็นข้อจำกัดต่อการออกมาตรการใดๆ ก็ตามของรัฐบาลที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตามการใช้จ่ายเงินในมาตรา 28
โดยข้อมูลเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 ภาระผูกพันจากการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลตามมาตรา 28 อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 33.5% ของงบประมาณรายจ่าย นอกจากนี้ สิ้นสุดเดือน มิ.ย.66 พบว่า วงเงินคงเหลือตามมาตรา 28 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการดำเนินกิจกรรมใดๆ ของรัฐบาลในรอบงบประมาณปี 2566
ทั้งนี้ การพาดหัวข่าวดังกล่าวเกี่ยวกับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น มีความไม่สอดคล้องกับเนื้อหาของข่าวที่เป็นการพูดถึงวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ ซึ่งเป็นแหล่งเงินที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
กระทรวงการคลัง จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ เพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นรายจ่ายในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ การเยียวยา หรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 ได้ตั้งวงเงินงบประมาณไว้ จำนวน 92,400 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 16 ก.ค.66 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติวงเงินดังกล่าวไปแล้ว ประมาณ 52,000 ล้านบาท อาทิ โครงการเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 มาตรการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ในช่วงเดือน ต.ค.65 ถึง เม.ย.66 เป็นต้น
2.ในส่วนของวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ นั้น เป็นวงเงินที่ใช้สำหรับกรณีที่รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินโครงการโดยใช้เงินทุนของตัวเองไปก่อน และรัฐบาลจะรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับหน่วยงานของรัฐในภายหลัง โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในช่วงที่ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ
รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดกรอบอัตรายอดคงค้างรวมทั้งหมดที่รัฐต้องรับชดเชยจากการดำเนินโครงการตามมาตรา 28 ไว้ที่ไม่เกิน 32% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างอยู่ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐในปีงบประมาณ 2566 จะดำเนินการภายใต้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท โดย ณ วันที่ 16 ก.ค.66 ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ทั้งสิ้น 2.564 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่เหลือในปีงบประมาณ 2566 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.66) รัฐบาลจะเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ก.พาณิชย์ เผย ครึ่งแรกปี 66 ต่างชาติหอบ 48,927 ล้านบาท ลงทุนไทยอัตราดอกเบี้ยของไทย ต่ำกว่าปกติ สาเหตุคนไทยขยันสร้างหนี้’กรมสรรพากร’ เล็งใช้ ChatGPT จัดการข้อมูลภาษี ใครคิดเลี่ยงจ่าย หนาวแน่