เศรษฐกิจไทย ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.66 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน เม.ย.66 การส่งออกมีมูลค่า 21,723.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนพบว่าหดตัว 7.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 737,788 ล้านบาท หดตัว 5.6% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนเมษายนหดตัว 6.8%)
ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 23,195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 7.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 797,373 ล้านบาท หดตัว 5.4% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือน เม.ย.66 ขาดดุลเท่ากับ 1,471.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับ 59,584 ล้านบาท
ด้าน ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.-เม.ย.66 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 92,003.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 5.2% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,110,977 ล้านบาท หดตัว 2.2% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.66 หดตัว 2.3%)
ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 96,519.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 2.2% และมีมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,305,763 ล้านบาท ขยายตัว 0.8% ส่งผลให้การค้าของประเทศไทยระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย.66 ขาดดุลเท่ากับ 4,516 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 194,786 ล้านบาทดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)
อย่างไรก็ตาม สรท. คงคาดการณ์เป้าหมายการทำงานด้านการส่งออกรวมทั้งปี 66 เติบโตระหว่าง 0-1% (ณ เดือน มิ.ย.66)
ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 66
1.ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลต่อแผนผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
2.เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ภาคการเงิน การผลิต ส่งออก วัตถุดิบ และพลังงาน
3.อัตราดอกทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และภาระต้นทุนการกู้เงินของผู้ประกอบการ
4.ต้นทุนการผลิตยังคงสูง อาทิ ค่าไฟฟ้า ส่งผลต่อความสามารถการแข่งขันทางด้านราคาของสินค้าไทย
5.ปริมาณสินค้าคงคลังในประเทศคู่ค้ายังคงมีปริมาณสูง ส่งผลให้ชะลอคำสั่งซื้อออกไป
6.ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อภาคการเกษตรในประเทศ
มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ
1.เร่งกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนแผนการส่งออกและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
2.ขอให้ ธปท. พิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มากจนเกินไป
3.ขอให้ภาครัฐช่วยบริการจัดการค่าไฟฟ้าอย่างเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่ปรับสูงขึ้นและอาจเสียเปรียบคู่ค้าคู่แข่งที่สำคัญ
4.ขอให้มีกลไกในการขับเคลื่อนมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ไทม์ไลน์ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังจัดให้มีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 ภายใน 13 ก.ค.66 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครบ 500 คน
โดยก่อนสิ้นเดือน ก.ค.66 เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร จากนั้น ปลายเดือน ก.ค.-ส.ค.66 โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และต้นเดือน ส.ค.66 จัดตั้งรัฐบาลทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น ในระหว่างนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะยังคงรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่