ราคาน้ำมันวันนี้ ‘เบนซิน’ ขึ้น 40 สต. มีผลเช้ามืดพรุงนี้ (15 พ.ย.66)

เย็นนี้ แวะปั๊มด่วน! เช้ามืดพรุ่งนี้ (15 พ.ย.66) ราคาน้ำมัน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร ส่วน ‘ดีเซล’ ยังราคาเดิม

ราคาน้ำมันปรับขึ้น โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (14 พ.ย.66) PTT Station แจ้ง ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร GSH95 Premium ขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ส่วน Premium ดีเซล และกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 15 พ.ย.66 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป

โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 44.44, GSH95 = 36.65, E20 = 34.54, GSH91 = 34.88, E85 = 34.69, พรีเมี่ยม GSH95 = 44.44, HSD-B7 = 29.94, HSD-B10 = 29.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 41.54 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

ขณะที่ บางจาก ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น Hi Premium 97 สำหรับผลิตภัณฑ์ดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 36.65/ GSH91S EVO 34.88/ GSH E20S EVO 34.54 / GSH E85S EVO 34.69 / Hi Premium 97 (GSH95++) 47.94 / Hi Diesel B20S 29.94/ Hi Diesel S 29.94 / Hi Diesel S B7 29.94 / Hi Premium Diesel S B7 43.64 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 13 พ.ย.66 ระบุว่า แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13-17 พ.ย.66) ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว โดยตลาดยังคงกังวลเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีและโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจกดดันอุปสงค์น้ำมัน

ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดการณ์ของ OPEC เรื่องการเติบโตของอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ยังคงเติบโต

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

1.ตลาดยังคงกังวลเศรษฐกิจโลกกดดันความต้องการใช้น้ำมัน เนื่องจากเศรษฐกิจภาพรวมเติบโตในระดับจำกัด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค อัตราการจ้างงานและผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาการประชุม FED ในครั้งถัดไป เดือน ธ.ค.66 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้ เนื่องจาก ต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อไว้ร้อยละ 2.0 ตามเป้าหมาย

2.สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ย.66 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันสหรัฐฯ ปี 66 นี้หดตัว 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 20.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 67 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มลดลงไปอยู่ที่ 8.83 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า จาก 8.88 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้

เนื่องจากความนิยมการทำงานในรูปแบบออนไลน์และการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีมากขึ้น รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันเบนซิน ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปี 66 คาดจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 12.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน

3.สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่าเวเนซุเอลา จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ราว 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 67 หลังสหรัฐฯ ผ่อนคลายการคว่ำบาตร ส่งผลให้ประเทศเวเนซุเอลาสามารถดำเนินการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบในตลาดได้มากขึ้น

4.ตลาดคลายความกังวลกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เนื่องจากความรุนแรงยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกมากนัก และหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ รวมถึงองค์การอนามัยโลกต่างออกมาประกาศเพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันที หลังหน่วยงานด้านการบรรเทาทุกข์ยังคงได้รับอันตรายจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน และยกระดับความรุนแรงมากขึ้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลรายงานว่า กองกำลังได้เคลื่อนกำลังพลทั้งทางทิศเหนือและทิศใต้ ทั้งภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางน้ำเข้าสู่ใจกลาง ‘กาซาซิตี’ ซึ่งเป็นเมืองหลักของฉนวนกาซาและคาดว่าเป็นศูนย์กลางของการก่อการร้าย

5.ตลาดจับตารายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ย.66 ของสถาบันพลังงานหลักที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ สำนักงานพลังงานสากล หรือ IEA (14 พ.ย.) และโอเปก (13 พ.ย.) ที่คาดการณ์ว่าจะยังคงความต้องการใช้น้ำมันโลก ปี 67 เติบโตต่อเนื่อง โดย IEA คาดการณ์การเติบโตที่ 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่โอเปกคาดการณ์การเติบโตกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้มีความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกผันผวน ทั้ง อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

6.เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เดือน ต.ค.66 และดัชนีราคาผู้ผลิต ต.ค.66 ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนได้แก่ ดัชนียอดค้าปลีก เดือน ต.ค.66 และผลผลิตทางอุตสาหกรรม ต.ค.66

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

โซเชียลบ่นระงม! แห่เติมน้ำมันถูก แต่ถึงปั๊มกลับเงิบ เจอป้ายบอกหมดค่ะนายกฯเศรษฐา รับไม่ได้ สั่ง ก.พลังงาน จัดการปั๊ม ขึ้นป้าย “น้ำมันหมด”