นักวิชาการ เชื่อ เปิดผับถึงตี4 กระตุ้นท่องเที่ยว รายได้เพิ่ม 30-40%

นักวิชาการ ร่วมหนุน ขยายเวลา เปิดผับถึงตี4 ในพื้นที่โซนนิ่ง มั่นใจช่วย กระตุ้นท่องเที่ยว สร้างรายได้เพิ่ม 30-40% พร้อมแนะ ปรับโครงสร้าง ภาษีสุรา

รัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดัน นโยบายเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ในพื้นที่โซนนิ่งถึงตี 4 เริ่มต้นใน 4 จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทั้งในด้านสนับสนุนและด้านที่มองว่าไม่เหมาะสม

ล่าสุดวันนี้ (20 พ.ย. 66) สำนักข่าวเออีซี 10 นิวส์ จัดงานเสวนา “มิติใหม่ เที่ยวไทย กับวัฒนธรรมกินดื่ม” ณ โรงแรม เดอะสุโกศล กรุงเทพฯ โดยมี ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก ร่วมปาฐกถา หัวข้อ “นักท่องเที่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มและสังสรรค์ และผลกระทบต่อสังคม” มี นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปาฐกถา หัวข้อ “กระแสและแนวโน้มการท่องเที่ยวไทย” และมีวงเสวนา “มิติใหม่ เที่ยวไทย กับวัฒนธรรมกินดื่ม” ซึ่งมี รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางด้านกฎหมาย, ผศ.ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว นักวิชาการ, และนายดำรงค์เกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิง และการท่องเที่ยวเมืองพัทยาเศรษฐศาสตร์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เทรนด์ดูแลสุขภาพในยุคใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองเรื่องการดื่มที่มีปริมาณเหมาะสมและพอดี เป็นวิธีสิ่งที่ช่วยดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ เรื่องการดื่ม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ได้มองว่าการดื่มเป็นเรื่องที่ทำลายสุขภาพอย่างเดียว

ส่วนตัวสนับสนุนการเดินหน้านโยบายนี้ เพื่อให้ทันโลก ทันระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมองว่า จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบสุขภาพอนามัย สังคม ศาสนาเช่นกัน ซึ่งรัฐบาล แพทย์ ครู ก็ต้องช่วยรณรงค์ ให้ความรู้ กับวัฒนธรรมการกินดื่มอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจรัฐบาลเดินหน้าเรื่องนี้ โดยยึดหลักความเป็นจริงในสังคม และคำนึงประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ

ด้านนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 23.2 ล้านคน ซึ่งในปี 2565 ที่มีรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 1.23 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 11.15 ล้านคน เฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนที่ 62,580 บาทต่อทริป

สำหรับนโยบายนี้ของรัฐบาล มองว่าเป็นนโยบายที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการใช้จ่ายได้เพิ่ม อีกทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ชาวต่างชาติต้องการกลับมาท่องเที่ยวได้อีกครั้ง

ขณะที่ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางด้านกฎหมาย กล่าวว่า นโยบายนี้มีข้อสังเกตไปยังรัฐบาล ว่ามีการศึกษานโยบายนี้ ก่อนตัดสินใจทำแล้วหรือยัง ทั้งในส่วนของข้อดีข้อเสีย รวมถึงสาเหตุที่เลือก 4 จังหวัดพื้นที่นำร่อง (กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต) ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการทำหวังผลทางการเมืองหรือไม่ เพราะทั้ง 4 พื้นที่นี้รัฐบาลเพิ่งแพ้การเลือกตั้งมาทั้งหมด

นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เช่น ผู้ประกอบการ รวมถึงพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เชื่อมโยง เช่น ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากศึกษาแล้วว่าเป็นนโยบายที่คุ้มค่า ช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวได้จริง ก็สามารถเปิดมากกว่าแค่ 4 จังหวัด แต่ส่วนตัวมองว่า ยังไม่จำเป็นต้องรีบเปิดในเดือนธันวาคมนี้ ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องโฆษณาเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาไทย ด้วยการชวนมากินดื่มอย่างเดียว เพราะไทยมีจุดแข็งหลายด้าน ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ขนบประเพณี ซึ่งเป็นซอฟท์ พาวเวอร์ ที่ดีว่าการชวนมากินดื่ม ขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลอยากให้ภาพลักษณ์ประเทศไทย เป็นไปในทางไหน

ผศ.ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า นโยบายขยายเวลาสถานบันเทิงถึงตี 4 สามารถทำได้ แต่ต้องเริ่มจากจำกัดเป็นพื้นที่โซนนิ่งก่อน หากได้ผลดีก็ค่อยขยายไปจังหวัดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหา คือวัฒนธรรมการดื่มของผู้มีรายได้น้อย ที่เข้าถึงการบริโภคสุราราคาถูกได้ง่าย จนเป็นบ่อเกิดความเสียหาย ทั้งด้านสุขภาพ สังคม และงบประมาณ เนื่องจากทุกวันนี้โครงสร้างภาษีสุรา โดยเฉพาะสุราขาวมีราคาเริ่มต้นเพียงขวดละ 110 บาท แต่ดีกรีความเมากลับสูงมาก

ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาขึ้นภาษี กลุ่มสุราราคาถูก โดยเฉพาะสุราขาวให้แพงขึ้น เพื่อช่วยลดปริมาณการดื่มของคนมีรายได้น้อย ขณะที่ภาษีที่เก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์ ก็ควรขึ้นเพราะปัจจุบันสุราขาว 40 ดีกรี เสียภาษีเพียงขวด 60 บาท ถูกกว่าไวน์ที่เก็บขวดละ 150-200 บาท

นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิง และการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า การขอขยายเวลาปิดสถานบันเทิง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการพยายามมาตลอด เพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีเยอะมาก หลายประเทศอย่างสิงคโปร์ เกาหลีใต้ หรือยุโรป ค่อนข้างผ่อนปรนเปิดได้ถึง 6 โมงเช้า ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดีกว่า และ ณ วันนี้ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพัทยา พร้อมเต็มที่ที่จะขยายเวลาเปิดถึงตี 4 นำเงินตราเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงทำให้ธุรกิจยามค่ำคืนในพัทยามีเงินสะพัดเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30-40%

คลิปอีจันแนะนำ
“นนท์ อานนท์” ชายผู้คืนชีพรูปในความทรงจำ