“ไตรศุลี” เผย ตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไม่กระทบ “เงินเข้าบัตรคนจน”

ไม่ต้องกังวล! น.ส.ไตรศุลี เผย แม้ตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ก็ไม่กระทบเงินเข้าบัตรคนจน

แม้การเลือกตั้งจะผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ยังไม่เสร็จสิ้น

โดยวันที่ 19 ก.ค.66 จะมีการโหวตรับรองนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หลังจากการโหวตรับรองในครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ผ่านด่าน ส.ว.ทำให้ได้เสียงรับรองของรัฐสภาไม่ถึงกึ่งหนึ่ง

ดังนั้นหลายภาคส่วนเริ่มกังวลใจต่อการล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล และกังวลเงินงบประมาณที่จะใช้จ่ายในช่วงรอยต่อรัฐบาล

วันนี้ (16 ก.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ด้วยขณะนี้อยู่ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และหลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคธุรกิจได้แสดงความกังวลว่าจะเกิดความล่าช้าในการบังคับใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

ต่อข้อกังวลดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เตรียมแผนงาน 3 ส่วนเพื่อดูแลเศรษฐกิจไว้แล้ว ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 การใช้จ่ายงบประมาณในส่วนรายจ่ายประจำ และปรับรายการที่เบิกจ่ายได้เร็วจากเดิมที่เบิกจ่ายในช่วงท้ายปีงบประมาณให้มาเบิกจ่ายในช่วงต้นปีงบประมาณ เช่น งบอบรม สัมมนา

โดยในส่วนงบรายจ่ายประจำนี้ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2562 เปิดทางให้สามารถใช้จ่ายได้ กล่าวคือ หากปีใดเกิดกรณี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายล่าช้าก็สามารถใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปีก่อนหน้า(ในกรณีนี้คือใช้พ.ร.บ.งบประมาณปี66) ไปพลางก่อนได้ ซึ่งการสามารถใช้จ่ายงบรายจ่ายประจำได้นี้จะรวมถึงงบสวัสดิการต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ด้วย

“กระทรวงการคลังย้ำว่า ถึงแม้เกิดกรณี พ.ร.บ.งบประมาณ 67 ล่าช้า ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากเป็นงบรายจ่ายประจำและมีเงินกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว ส่วนที่จะชะลอไว้รอรัฐบาลใหม่จะมีเพียงส่วนของงบลงทุนใหม่เท่านั้น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ส่วนที่ 2 ที่กระทรวงการคลังเตรียมไว้คือ การเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจประมาณ 50 แห่งเร่งเบิกจ่ายเพื่อการลงทุน จากงบลงทุนของทุกแห่งรวมกันประมาณ 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนที่สามารถขยับการลงทุนให้เร็วขึ้นและเบิกจ่ายได้ก่อน (Front Load) ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท

ส่วนที่3 ให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อตามโครงการที่เคยได้รับอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งยังเหลือวงเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท

สำหรับงบประมาณปี 67 ที่ผ่านการอนุมัติจาก ครม. ไปแล้วและรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการตามขั้นตอนการงบประมาณ มีวงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 2.49 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุน 7.17 แสนล้านบาท รายจ่ายชำระคืนเงินกู้ 1.17 แสนล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 3.37 หมื่นล้านบาท