ถ้าถึงคิว แบงก์ไทยล้มตามสหรัฐฯ กฎหมายไหนจะคุ้มครอง

เปิดกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ถ้า ‘แบงก์ไทย’ ล้มกะทันหัน ตามแบงก์ใหญ่สหรัฐ เราต้องทำไง

ทั่วโลกกำลังจับตามความเคลื่อนไหว หลังสหรัฐอเมริกา สั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอนวัลเลย์แบงก์ หรือ SVB (Silicon Valley Bank) ธนาคารที่เน้นปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทสตาร์ทอัพ หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องรุนแรงจนลูกค้าวิ่งวุ่นแห่ถอนเงิน ซึ่งนับเป็นการล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่สุดของสหรัฐฯ ตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2551

เงินฝากใบบัญชีจะยังไง แบงก์ใหญ่สหรัฐ ที่ว่าแน่ยังล้ม

ถึงขนาด ‘บิล แอคแมน’ นักลงทุนชื่อดังชาวสหรัฐ และผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง ยังกล่าวถึงความน่ากังวล หากประชาชนตื่นตกใจในปรากฏการณ์นี้ว่า

“หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ประชาชนอาจตกอยู่ในภาวะสงครามทางจิตวิทยา และแห่กันไปถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์ แม้ธนาคารนั้นอาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับ SVB ก็ตาม”

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ SVB สร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของเงินฝากกับสถาบันการเงิน แม้ภายหลังกระทรวงการคลังสหรัฐจะยืนยันว่า ประชาชนที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ซึ่งถูกสั่งปิดไปแล้วนั้น จะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้เต็มจำนวนตั้งแต่วัที่ 13 มี.ค.66 

และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกโครงการ ‘Bank Term Funding Program’ เพื่อการป้องกันเงินฝาก สร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีการจัดหาเงินสดและสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องก็ตาม

ส่วนประเทศไทย การคุ้มครองเงินฝากนั้น มีสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ DPA ซึ่งตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 มาตรา 6 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเงินฝากในสถาบันการเงิน

โดยปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง 32 แห่ง, เสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน, ดำเนินการกับสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ถูกเพิกถอนใบอนุญาต สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ DPA จะทำหน้าที่จ่ายคืนเงินฝากภายใน 30 วัน โดยกำหนดวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน ปัจจุบันจ่ายเงินคืนผ่าน 2 ช่องทาง คือ พร้อมเพย์ ที่ผูกกับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเช็ค

โดยสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทั้ง 32 แห่ง ต้องเป็นผู้ส่งเงินนำส่งให้ DPA เพื่อเข้ากองทุนสะสมไว้ปีละ 2 ครั้ง เรียกว่ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก โดยไม่ใช่เงินฝากของผู้ฝากเงิน

ทั้งนี้ เงินฝากที่จะได้รับความคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 มาตรา 51 ระบุถึงเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ได้แก่ เงินฝากทุกประเภทของสถาบันการเงิน ที่นำมาคำนวณยอดเงินฝากถัวเฉลี่ย และดอกเบี้ยค้างจ่ายที่เกิดจากเงินฝากนั้น จนถึงวันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน

โดยต้องเป็นเงินฝากและดอกเบี้ยที่เป็นเงินบาท อีกทั้ง ต้องเป็นเงินฝากในบัญชีเงินฝากภายในประเทศ ไม่ใช่เงินฝากในบัญชีประเภทบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

คลิปอีจันแนะนำ
อีจัน The Series คนเคยเลว Ep.5 “เข้ ตลิ่งชัน” จากชีวิตอดีตคนคุก สู่บัณฑิตหลังกำแพง