‘สคฝ.’ เปิดสมุดบัญชี เงินฝากคนไทย อึ้ง! เกิน 80% มีเงินไม่ถึง 5 พันบาท

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดสมุดบัญชี เงินฝากคนไทย อึ้ง! เกิน 80% มีเงินไม่ถึง 5,000 บาท ยอดเงินฝากปี 66 ติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เผยสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง เดือน ส.ค.66 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 15.96 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 65 จำนวน 212,688 ล้านบาท หรือหดตัว 1.32% ซึ่งนับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี

เนื่องจากปัจจัยด้านสภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประกอบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนสูง อย่างทองคำ หุ้นกู้ และอัตราดอกเบี้ย เช่นจะพบว่าบางรายเลือกที่จะถอนเงินบาทไปเปิดบัญชีเพื่อฝากเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ กินดอกเบี้ย 5% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งอยู่ที่ 2% โดยยอมรับความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่า สถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมสินเชื่อที่ยังเติบโตในกรอบต่ำ ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 65 จำนวน 3.05 ล้านราย หรือขยายตัว 3.37%

ที่น่าสังเกต คือ พบว่า คนที่มีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่า 50,000 บาทมีมากถึง 81 ล้านราย หรือมากกว่า 80% ของจำนวนผู้มีเงินฝากทั้งหมด และกลุ่มนี้มีจำนวนรายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยพบว่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ประชาชนมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5,000 บาทต่อราย โดยเม็ดเงินของกลุ่มที่มีเงินในบัญชีไม่เกิน 5,000 บาท ในปี 65 อยู่ที่ 360,000 ล้านบาท และในปีหกหกลดลงมาเหลือ 348,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อดูสถิติเงินฝากตั้งแต่ปี 62 ถึงเดือน ส.ค.66 พบว่า ถึงแม้จำนวนผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท จะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยในเดือน ส.ค.66 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 4.45% แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มหดตัว ตั้งแต่ปี 65 โดยติดลบ 0.63% และในเดือน ส.ค.66 ติดลบ 3.61%

โดยเชื่อว่า เป็นจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้น่าจะทยอยติดลบน้อยลงและกลับเป็นบวกได้ใน 1-2 ปี ในขณะที่ผู้ที่มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ปรับตัวลดลงทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบกับผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนัก

จึงต้องนำเงินออกมาใช้จ่าย สุขภาวะทางการเงินอ่อนแอ หรือแม้แต่ในกลุ่มผู้ฝากรายใหญ่ก็เริ่มมีตัวเลขเงินฝากลดลงในปีนี้ ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะสงคราม ราคาพลังงานปรับตัวสูง และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ของโลก ต่างกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุน

สำหรับปี 67 ยังต้องจับตาปัญหาสงคราม ซึ่งยอมรับว่า มีทั้งผลกระทบด้านลบ และเพิ่มโอกาสให้ไทยในการส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศสงคราม ภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาวะหนี้เสีย ของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนจะยังคงผันผวน ส่วนปัจจัยบวกที่เชื่อว่าจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นในปีหน้า คือภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชนที่รัฐบาลชักชวนเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสถานการณ์เงินฝากของประชาชน

ขอบคุณข้อมูลจาก: 3PlusNews

คลิปอีจันแนะนำ
คลิปโซเชียล ขนลุก! ผีเด็กบุกบ้าน ขอของกินกลางดึก