ตะลึง! ประธาน-รักษาการ เลขาฯ ชงร่างงบฯ กสทช.ปี 67 โดยไม่ผ่านมติบอร์ด

ปูด ประธาน-รักษาการ เลขา กสทช. ชงร่างงบฯ กสทช.ปี 67 ถึงบอร์ดดีอี โดยไม่ผ่านมติบอร์ดใหญ่ เชื่อได้มีไฟเขียวกีดกัน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กสทช. ได้ลงนามในหนังสือเรื่องการบรรจุวาระ เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช.เพื่อเสนอคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ถึงเลขาธิการ สดช.

โดยระบุความตอนหนึ่งว่า สำนักงาน กสทช. พิจารณาแล้ว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงขอเสนอบรรจุวาระเพื่อพิจารณาให้ความเห็นร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช. จำนวนทั้งสิ้น 5,828.5146 ล้านบาท

โดยร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช. ฉบับที่ นายไตรรัตน์ ลงนามส่งไปยังเลขาธิการ สดช.นั้น เป็นฉบับที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. โดยในการประชุมคณะกรรมการ กสทช. ครั้งที่ 19/2566 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66 ได้มีการทักทวงว่า ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช.ที่ถูกบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันนั้นยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่มีรายละเอียดให้คณะกรรมการ กสทช.พิจารณา จึงมีมติไม่เห็นชอบ และไม่ให้นำร่างงบประมาณรายจ่ายฯ เข้าสู่การพิจารณา

นอกจากนี้ แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงาน กสทช.ระบุว่า การที่ นายไตรรัตน์ นำส่งร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช.ไปยัง สดช.หรือคณะกรรมการดีอี ถือเป็นการท้าทายอำนาจคณะกรรมการ กสทช. เพราะถือเป็นร่างงบประมาณฯ ที่ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.แต่อย่างใด แต่ก็เชื่อว่า คงได้รับไฟเขียวจาก ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ทำให้ นายไตรรัตน์ ลงนามในหนังสือถึงเลขาธิการ สดช.

ตามกฎหมายกำหนดให้อำนาจในการอนุมัติงบประมาณ และการออกระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร และจัดการงบประมาณที่ได้กำหนดขั้นตอนในปฏิทินงบประมาณดังกล่าว เป็นอำนาจของคณะกรรมการ กสทช. นอกจากนั้น ที่ผ่านมายังได้ทำการยกเลิกคณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณ กสทช. และเปลี่ยนเป็นคณะทำงานพิจารณางบประมาณของสำนักงาน กสทช.

ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อมติที่ผระชุม กสทช. ที่ต้องการให้กรรมการ กสทช.ทุกคนส่งผู้แทนที่มีความรู้ด้านงบประมาณมาเป็นอนุกรรมการเพื่อช่วยพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะให้ คณะกรรมการ กสทช.ร่วมกันพิจารณาอนุมัติ แต่กลับไม่ดำเนินการตามมติ และตั้งคณะทำงานฯ ซึ่งเป็นคำสั่งภายในของสำนักงาน กสทช.ที่รักษาการเลขาธิการ กสทช.เป็นผู้ลงนามแทน

“การกระทำดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะรวบการพิจารณางบประมาณไว้แต่เพียงประธาน และรักษาการเลขาธิการ กสทช. โดยไม่ต้องการให้ กรรมการ กสทช. เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา” แหล่งข่าว ระบุ

ทั้งนี้ ภายใน สำนักงาน กสทช.ยังวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า การทำงานในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่า เหตุใดศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ถึงพยายามต้องสนับสนุน นายไตรรัตน์ ให้อยู่ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กสทช. ทั้งที่มติเสียงข้างมากของที่ประชุม กสทช.ให้ปลดออกจากตำแหน่งไปแล้ว รวมทั้ง ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ยังเตรียมเสนอชื่อ นายไตรรัตน์ ให้เป็นเลขาธิการ กสทช.คนใหม่อีกด้วย

โดยอ้างว่า ประธาน กสทช.มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ในการเสนอชื่อเลขาธิการ กสทช. ทั้งที่ตามกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาเป็นหน้าที่ที่คณะกรรมการ กสทช.ต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้การกำหนดงบประมาณของสำนักงาน กสทช.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใส

และสามารถสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช.ตามกฎหมาย รวมทั้ง ยังเป็นการตรวจสอบ และสอบทานการขอ และกำหนดงบประมาณของสำนักงาน กสทช.อีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า การกำหนดงบประมาณของสำนักงาน กสทช.บางรายการมีจำนวนที่สูงเกินความเป็นจริง

“ผู้บริหาร และพนักงาน สำนักงาน กสทช.ปัจจุบัน มีแต่อึดอัดที่ต้องทำให้สิ่งที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายและขัดต่อมติ กสทช. ครั้งแล้วครั้งเล่า สะท้อนถึงการขาดเสถียรภาพในการบริหารองค์กรที่เลวร้ายลงทุกวัน หากหมดหนทางจริงก็คงต้องพึ่งบารมีด้วยการถวายฎีกา เพื่อให้องค์กรอันเป็นที่รักของพวกเรา สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยที่ทุกคนไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนอย่างทุกวันนี้” แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช.ระบุ