
เตือนภัยเส้นทางสู่ดาว เมื่อโมเดลลิ่งโปรไฟล์ดี คุกคามทางเพศและทำอนาจารเด็กในบ้าน แลกเป็นเจ๊ดัน ปั้นให้ดัง!
เคสนี้มาจาก INBOX อีจันค่ะ ผู้เสียหายส่งเรื่องเข้ามา อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองหรือตัวเด็กๆ เอง ที่อยากเดินในเส้นทางวงการบันเทิง ต้องดูโมเดลลิ่งให้ดี
อีจันได้คุยกับน้องเอ (นามสมมุติ) หนุ่มวัยใสต่างจังหวัด ถึงเรื่องราวที่ตัวน้องถูก พี่บี (นามสมมุติ) โมเดลลิ่งโปรไฟล์ดี ทำอนาจาร
เริ่มต้นเรื่องนี้ น้องเอเล่าว่าได้ช่องทางการติดต่อของพี่บี มาจากเพื่อนคุณแม่ ทุกรายละเอียดคุณแม่เป็นคนติดต่อและพูดคุยในเบื้องต้นให้ทุกอย่าง ส่วนน้องเอได้เข้าดูโปร์ไฟล์ของพี่บีแล้ว ก็ทำให้เชื่อสนิทใจว่าพี่เขาจะเป็น พี่ที่ดี พาไปถึงเส้นทางฝัน เพราะมีภาพการทำงาน ส่งเด็กปั้นร่วมงานกับช่องต่างๆ น้องและคุณแม่จึงตัดสินใจนัดเจอกับพี่บีโมเดลลิ่ง ที่บ้านของพี่บีในกรุงเทพ หลังคุณแม่และพี่บีคุยรายละเอียดเรื่องการเข้ามาอยู่ในโมเดลลิ่งของพี่บีกันเรียบร้อย จากนั้นตัวน้องเอก็เดินทางขึ้นลง-กรุงเทพ เพื่อเข้ามาเรียนการแสดงและร้องเพลงที่บ้านพี่บีอยู่ในช่วงแรก ด้วยที่น้องเอดร็อปเรียนไว้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายเข้ามาอยู่กับพี่บีที่บ้านไปเลย จะได้ไม่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ เพราะที่บ้านของพี่บีก็มีเด็กคนอื่นๆ อยู่เหมือนโมเดลลิ่งทั่วๆ ไป มีการแยกห้องนอนส่วนตัวไว้ให้ของใครของมัน
น้องเอเล่าต่ออีกว่า ช่วงก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านพี่บี พี่เขาเคยบอกกับน้องเอว่า “น้องเป็นสเป็กพี่เลย ขาวๆ ตี๋ๆ แบบนี้” ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร จนถึงวันที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพี่บี วันแรกที่มาถึง พี่บีบอกน้องว่าจะมีการ “รับน้องและเป่าหัว” น้องบอกว่าตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร คิดว่าคงเป็นการให้พรต้อนรับน้องใหม่ทั่วไป แต่หลังจากที่น้องเอเก็บของในห้องนอนส่วนตัวและออกไปกินข้าวเสร็จ พี่บีก็บอกกับน้องเอว่า “ให้อาบน้ำแล้วก็ไปที่น้องพี่นะ จะวัดตัวแล้วเป่าหัวให้”
จังหวะนั้นน้องเอ ก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเป่าหัวคืออะไร ทำไมต้องไปเป่าหัวที่ห้อง
พี่บี ก็ยังย้ำว่า “ต้องเป่าที่ห้อง เป่าข้างนอกไม่ได้!” พร้อมใช้นิ้วมือชี้ไปที่อวัยวะช่วงล่าง ว่ามันคือตรงไหน
ตอนนั้นน้องเอบอกว่ารู้สึกตกใจ และเริ่มเข้าใจแล้วว่า “เป่าหัว” ที่บีบอก ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ น้องเอคิดหนักอยู่นานและทำอะไรไม่ถูก แต่มีประโยคหนึ่ง ที่พี่บีพูดกับน้องเอไว้ ประมาณว่า “พี่ไม่แคร์นะ ถ้าน้องจะไม่โอเคกับเรื่องแบบนี้” เหมือนเป็นการบอกอ้อมๆ ว่าถ้าไม่ให้ก็ไม่ดัน ซึ่ง ณ ตอนนั้น เวลานั้น ตรงนั้น น้องเอบอกว่ามันไม่มีทางออกเลย ใจตัวเองคือไม่โอเคมากๆ แต่ก็นึกถึงแม่ที่พยายามหาหนทางให้ และผลักดันมาตลอด น้องเอจึงจำใจต้องเข้าไปหาพี่บีที่ห้อง และก็เกิดเรื่องอย่างที่คิด!
พี่บี ทำอนาจารน้องเอภายในห้องนั้น!!!
น้องเอ เล่ากับอีจันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ฟังได้ว่ายังรู้สึกกังวล และยังเล่าต่อว่า ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพี่บีก็เจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันแรกเลย ตอนนั้นยังไม่กล้าจะขยับหรือตัดสินใจอะไร เพราะเพิ่งมาและนึกถึงแม่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่กล้าบอกแม่ด้วย ก็ยังคงใช้ชีวิต เรียนการแสดง เรียนร้องเพลงไปพร้อมกับเพื่อนๆ คนอื่นในบ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นเป็นครั้งที่สอง ที่พี่บีทำอนาจารในแบบเดิม
ผ่านไปเพียง 1 เดือน น้องเออยู่ต่อไม่ไหว ขอออกจากโมเดลลิ่งพี่บี และกลับบ้านที่ขอนแก่น สภาพจิตใจน้องเอตอนนั้นค่อนข้างแย่ เก็บตัวเงียบ ไม่ออกไปไหน จนยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง และแม่ก็พาน้องเอไปหาหมอ นั่นถึงทำให้รู้ว่าน้องเอได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว
จากความฝันสู่วงการบันเทิงของน้องเอ ตอนนี้เส้นทางได้ขาดลง น้องเอยังอยากทำตามฝัน แต่ก็ยังกลัวจะมีเรื่องราวแบบเดิมที่มาย้ำแผลในใจ
ช็อกซ้ำสองค่ะ เมื่อน้องเอบอกว่า เรื่องที่เล่ามานี้ไม่ใช่แค่น้องที่โดน แต่ยังมีคนที่เคยอยู่โมเดลลิ่งพี่บีคนนี้ โดนและเกือบจะโดนเหมือนกัน โดยน้องเอได้พูดคุยกับคนเหล่านั้น และก็ได้รูปข้อความแชท การสนทนาระหว่างพี่บีกับอดีตเด็กในโมเดลลิ่งมา
สุดท้าย น้องเอบอกว่า ที่ออกมาเล่าเรื่องราวครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงใคร ส่วนเรื่องดำเนินคดียังอยู่ระหว่างปรึกษากับครอบครัว เพราะก็ต้องยอมรับว่าไม่มีหลักฐานตอนเกิดเหตุ แม่เคยติดต่อหาพี่บีโมเดลลิ่ง ถามเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็ตอบมาแบบนิ่งๆ ว่าไม่ได้ทำ ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องมาเลย แต่ที่สำคัญคืออยากออกมาเตือนทุกคนที่อยากจะเดินเส้นทางนี้ เลือกให้ดี เพราะบางที่โปรไฟล์ดีมาก แต่อาจต้องยอมแลกด้วยเรื่องแบบที่ตัวเองเจอ
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตั้งใจเดินตามความฝัน แต่เส้นทางฝันของตัวเองต้องมาเจอเรื่องเลวร้าย ทำเส้นทางสะดุด ซ้ำยังป่วยซึมเศร้า ไม่กล้าเดินตามฝันต่อ อีจันเป็นกำลังใจให้น้องเอนะคะ ขอบคุณด้วยนะที่กล้าออกมาแชร์เหตุการณ์เลวร้ายให้เป็นอุทาหรณ์กับทุกคน
และเหตุการณ์แลกตัวก่อนปั้นให้ดัง ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร