5 โรคพืชสุดสยอง ภัยร้ายที่ต้องเจอเมื่อถึงฤดูฝน

ฤดูฝน เป็นฤดูที่เกษตรกรหลายคนเฝ้ารอ เพราะจะได้มีน้ำพอในการปลูกพืชผัก แต่หารู้ไม่! ฤดูฝนอาจจะนำพาโรคร้ายมาสู่พืชผักก็เป็นได้

  1. โรคราน้ำค้าง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกพื้นที่และทุกพันธุ์ ถือว่าเป็นโรคที่สร้างความเสียหายอย่างมากที่สุด พบได้ทั้งในระยะต้นกล้า และระยะโตเต็มวัย  มักพบในที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน และแพร่ระบาดได้ด้วยการติดไปกับเมล็ดของพันธุ์พืช โดยอาการจะมีจุดขึ้นเป็นกลุ่มตามใบของพืช จนร่วงหลุดไปในที่สุด

วิธีป้องกัน สามารถฉีดยาสำหรับป้องกันเชื้อรา และหมั่นทำลายวัชพืชในแปลง

 2. โรคเหี่ยว  มักจะเกิดในช่วงที่อากาศร้อนแต่ดินมีความชื้นสูง เช่น หลังฝนตกหนักแล้วมีแดดออก  อาการของโรคสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตา คือ ตรงโคนต้นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และลามไปทั่วต้น จนร่วงหลุดไป  วิธีป้องกันต้องปรับสภาพดินก่อน โดยการใช้ปูนขาว หรือ ปุ๋ยคอกช่วย

ขอบคุณเจ้าของภาพ

ขอบคุณเจ้าของภาพ

3. โรคเน่าคอดิน (Damping off) บางคนอาจเรียกว่า โรคกล้าไห้แห้ง มักเกิดในระยะของการเพาะต้นกล้าทุกชนิด และมักจะเจริญเติบโตได้ดีในทีที่มีความชื้นสูง อาการของโรคเน่าคอดิน จะมี 2 ระยะ คือ ระยะที่ยังเป็นเมล็ด คือเกิดการเน่าในเมล็ด เพาะไม่ขึ้น และระยะต้นกล้า คือจะมีรอยช้ำรอบ ๆ โคน จนสุดท้ายกลายเป็นสีน้ำตาลและหักลงในที่สุด

    หากเกษตรกรพบให้รีบกำจัดทิ้ง ถอนต้นกล้าออกจากแปลงด่วน โดยการเผาทำลาย ในส่วนของการป้องกัน ต้องปรับสภาพแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำได้ดี อย่าให้น้ำขัง มีความชื้นสูง ควรปรับสภาพแปลงดินด้วยปูนขาว หรือ ปุ๋ยอินทรีย์

    ขอบคุณเจ้าของภาพ

    4. โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรา Alternaria brassicae  มักเกิดในพื้นที่ที่มีความร้อนสูง หรือร้อนชื้น  เชื้อสปอร์สามารถลอยไปตามลม น้ำ หรือติดไปกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ด้วย  โดยอาการของโรคจะแสดงชัดตรงใบเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ต้นกล้า จุดวงกลมสีเหลือง ไปจนโตเต็มวัย จุดเป็นสีดำ

    วิธีป้องกัน เพียงแช่เมล็ดพันธุ์พืชในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียล ประมาณ 30 นาที และผสมกับการป้องกันกำจัดเชื้อราก่อนนำไปเพาะ และฉีดสารป้องกันเชื้อราทุก ๆ 7 วัน

    ขอบคุณเจ้าของภาพ

    5. โรคราสนิมขาวในผัก  มักระบาดในช่วงปลายฝนต้นหนาวและน้อยลงเมื่ออากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยอาการจะเริ่มจากตัวใบมีจุดเหลือง เริ่มจากใบลงไปที่โคน และเกิดได้ทั่วทั้งต้น  ภายใน 1 ใบ จะมีได้หลายจุด ส่วนของดอกจะมีลักษณะไหม้และแห้งจากส่วนของกลีบดอกเข้าไปเรื่อย หากต้นพืชติดเชื้อแล้ว ควรฉีดพ่นสารป้องกันและกำจัด ทุก 5 – 7 วัน  แต่ห้ามฉีดซ้ำกันเกิน 3 ครั้ง เพราะจะทำให้ดื้อยา

    ขอบคุณเจ้าของภาพ

    ขอบคุณข้อมูลจาก www.sanpanya.com